สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวทางทหารว่า เครื่องบินรบรัสเซียและซีเรียได้โจมตีเมืองอิดลิบ เมืองที่อยู่ใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏทางตอนเหนือของซีเรีย ขณะที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ประกาศกร้าวจะปราบปรามกลุ่มกบฏที่บุกเข้ายึดเมืองอเลปโป
ชาวเมืองเล่าว่า การโจมตีในวันที่สองนี้ได้มีการถล่มใส่ย่านที่อยู่อาศัยอันแออัดกลางเมืองอิดลิบ เมืองใหญ่ที่สุดในเขตกบฏติดพรมแดนตุรกี ที่ซึ่งประชาชนราว 4 ล้านชีวิตต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์และที่พักพิงชั่วคราว
ทีมกู้ภัยในที่เกิดเหตุรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ด้านกองทัพซีเรียและพันธมิตรรัสเซียยืนยันว่ามุ่งโจมตีเฉพาะที่ซ่อนของกลุ่มกบฏ และปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีพลเรือน
เมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) เครื่องบินรบของทั้งสองชาติได้ทิ้งระเบิดถล่มเมืองอื่น ๆ ในจังหวัดอิดลิบ ซึ่งตกอยู่ในมือกบฏทั้งหมดแล้ว นับเป็นการรุกคืบครั้งใหญ่ที่สุดของฝ่ายกบฏในรอบหลายปี ในสงครามกลางเมืองที่แนวรบแทบไม่ขยับเขยื้อนมาตั้งแต่ปี 2563
กลุ่มกบฏได้บุกเข้าเมืองอเลปโปทางตะวันออกของจังหวัดอิดลิบในคืนวันศุกร์ (29 พ.ย.) บีบให้กองทัพต้องถอนกำลัง นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดต่อปธน.อัสซาดในรอบหลายปี
ด้านปธน.อัสซาดให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อของรัฐว่า “พวกผู้ก่อการร้ายรู้จักแต่ภาษาแห่งการใช้กำลัง และเราก็จะใช้ภาษานั้นบดขยี้พวกมัน”
กองทัพซีเรียกล่าวว่า ทหารซีเรียนับสิบนายต้องสังเวยชีวิตจากการโจมตีในเมืองอเลปโป
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองทัพประกาศว่าสามารถยึดคืนหัวเมืองที่ถูกกลุ่มกบฏบุกยึดไปในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้าได้แล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏประกอบด้วยพันธมิตรกองกำลังติดอาวุธกระแสหลักที่ไม่ได้อิงตามอุดมการณ์ศาสนาและได้รับการหนุนหลังจากตุรกี และกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามิสต์ที่มีแสนยานุภาพทางทหารมากที่สุดในบรรดากลุ่มต่อต้านรัฐบาลทั้งหมด
สหรัฐฯ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่น ๆ ได้ประกาศให้กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม เป็นกลุ่มก่อการร้าย
สงครามที่คร่าชีวิตผู้คนนับแสนและบีบให้ประชาชนนับล้านต้องลี้ภัยนั้น ยังคงยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2554 โดยไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงอย่างเป็นทางการ แม้การสู้รบขนาดใหญ่จะซาลงไปหลายปีแล้ว หลังจากอิหร่านและรัสเซียเข้าช่วยให้รัฐบาลอัสซาดยึดครองดินแดนส่วนใหญ่และเมืองสำคัญทั้งหมดได้สำเร็จ
*ประชาชนหนีตายออกจากเมืองอเลปโป*
ในเมืองอเลปโป ถนนหนทางแทบร้าง ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดประตู ผู้คนต่างหวาดผวาและซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน ผู้เห็นเหตุการณ์และชาวเมืองเล่าว่า ยังคงมีผู้คนทยอยอพยพออกจากเมืองไม่ขาดสาย
แหล่งข่าวในกองทัพกล่าวว่า ทหารซีเรียที่ถอนกำลังออกจากเมืองกำลังรวมพลกันใหม่ และมีการส่งกำลังเสริมมาช่วยในการโต้กลับ
อนึ่ง อเลปโปเคยอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอย่างเบ็ดเสร็จนับแต่ชัยชนะในปี 2559 ซึ่งเป็นจุดพลิกผันสำคัญของสงคราม เมื่อกองกำลังซีเรียที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซีย ปิดล้อมและถล่มย่านตะวันออกของเมืองที่กลุ่มกบฏครองอยู่จนย่อยยับ ทั้งนี้ อเลปโปเคยเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ
กลุ่มกบฏแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า พวกเขาบุกคืบหน้าลงใต้จากตัวเมืองอเลปโปและยึดเมืองคานาซิรได้ โดยหวังตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุงหลักของกองทัพที่จะเข้าสู่อเลปโป
แหล่งข่าวฝ่ายกบฏระบุว่า พวกเขายังยึดเขตเชคนาชชาร์ได้ด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ
ก่อนหน้านี้ อิหร่านส่งกองกำลังติดอาวุธนิกายชีอะฮ์นับพันนายเข้าซีเรียในช่วงสงคราม และร่วมมือกับรัสเซียที่ส่งกองกำลังทางอากาศมาช่วย ทำให้ปธน.อัสซาดปราบปรามกลุ่มกบฏและยึดดินแดนกลับคืนมาได้เกือบทั้งหมด
แหล่งข่าวในกองทัพสองรายระบุว่า การขาดกำลังพลที่จะช่วยสกัดการบุกของกลุ่มกบฏในช่วงไม่กี่วันมานี้ ส่งผลให้กองทัพซีเรียต้องถอยร่นอย่างรวดเร็ว กองกำลังพันธมิตรของอิหร่านนำโดยฮิซบอลเลาะห์ มีกำลังพลประจำการอยู่มากในพื้นที่อเลปโป
นอกจากนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อิสราเอลเพิ่มการโจมตีฐานทัพอิหร่านในซีเรีย พร้อมกับเปิดฉากรุกในเลบานอน ซึ่งอิสราเอลอ้างว่าทำให้ฮิซบอลเลาะห์และขีดความสามารถทางทหารอ่อนแอลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 67)
Tags: ซีเรีย, รัสเซีย