เศรษฐกิจตุรกีมีแนวโน้มที่จะหดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสนับตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของตุรกีจะปรับตัวลดลง 0.2% ในไตรมาส 3/2567 แต่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสอดคล้องกับไตรมาสก่อนหน้า
ธนาคารกลางตุรกีกำลังต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่สูงเกือบ 49% อันเนื่องมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด โดยแบงก์ชาติตุรกีคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 50% มาตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง แม้ว่าอุปสงค์ในประเทศจะยังคงแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวตุรกีรีบซื้อสินค้าบางประเภทเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่อาจพุ่งสูงขึ้นไปอีกในอนาคต
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการผลิตของตุรกีมีผลการดำเนินงานที่ไม่ดีนักในไตรมาส 3/2567 โดยการผลิตหดตัวลง 1.2% เมื่อเทียบรายไตรมาส อีกทั้ง กิจกรรมทางธุรกิจก็ซบเซาลงเช่นกัน ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของตุรกียังไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับที่บ่งชี้บ่งชี้ภาวะขยายตัวได้เลยนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธนาคารกลางตุรกีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 44% ณ สิ้นปีนี้ และลดลงเหลือ 21% ภายในสิ้นปี 2568
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 67)
Tags: ตุรกี, อัตราดอกเบี้ยนโยบาย, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจตุรกี