แคนาดาเล็งใช้น้ำมันเป็นเครื่องต่อรอง หลังทรัมป์ขู่รีดภาษีนำเข้าสินค้า 25%

รัฐมนตรีแคนาดาให้สัมภาษณ์ในวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) ว่า รัฐบาลแคนาดาจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจกับรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงความเชื่อมโยงของตลาดพลังงานสหรัฐฯ-แคนาดา ภายหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากแคนาดาในอัตรา 25%

โจนาธาน วิลกินสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า “เรายังมีงานที่ต้องทำ เพื่อสื่อสารให้เห็นว่าการเก็บภาษีนำเข้านั้นจะส่งผลร้ายอย่างไร และไม่ใช่แค่ในกรณีของน้ำมันเท่านั้น” พร้อมเสริมว่า สหรัฐฯ เองก็ได้ประโยชน์จากการนำเข้ายูเรเนียมและไฟฟ้าพลังน้ำจากแคนาดา

ทรัมป์ ผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ย.) ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% จนกว่าทั้งสองชาติจะจัดการปัญหายาเสพติดและผู้อพยพที่ลักลอบข้ามพรมแดน

ทั้งนี้ แคนาดาครองตำแหน่งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยส่งออกน้ำมันดิบส่วนใหญ่ไปยังสหรัฐฯ

แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์ไม่มีท่าทีจะยกเว้นภาษีน้ำมันดิบ ทั้งที่สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาราว 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งโรงกลั่นหลายแห่งในภูมิภาคมิดเวสต์ก็ตั้งขึ้นมาเพื่อกลั่นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและกำมะถันสูง (Heavy sour crude) ของแคนาดาโดยเฉพาะ

นักวิเคราะห์หลายสำนักระบุว่า หากมีการเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันจากแคนาดา ซึ่งเป็นผู้จัดส่งน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดให้สหรัฐฯ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันที่ชาวอเมริกันต้องจ่ายพุ่งสูงขึ้น

“ต้องใช้ทั้งเวลาและแรงกายแรงใจมากพอสมควรเพื่อให้แน่ใจว่า การเจรจาของเราจะเป็นไปอย่างราบรื่น” วิลกินสันกล่าว

“เรายังมีเวลาอีกสองเดือนก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่ประเทศที่เป็นมิตรที่สุดต่อกันอย่างเราจะได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการค้าขายระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านพลังงาน”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top