PTT-OR แฉมืดมืดปล่อยข่าวเท็จผ่าน “บัญชีอวตาร” ทำลายชื่อเสียง จ่อดำเนินคดีเอาผิด-ยืนยันความโปร่งใส

บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อออนไลน์อ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปสำนวนเชื่อว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ PTT และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OR เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯลฯ พร้อมแนบลิงก์จากต่างประเทศให้ดาวน์โหลดหนังสือจากดีเอสไอ

PTT ระบุว่า ข่าวดังกล่าวมีที่มาจากตัวแทนของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทเครือ PTT เพียง 100 หุ้น เพื่อใช้เป็นฐานยื่นฟ้องคดีผู้บริหารฯ ต่อศาลด้วยข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง มีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของ PTT และ บริษัทในเครือ รวมถึงผู้บริหารฯ

ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หนังสือของดีเอสไอเป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบัน ศาลยังไม่ได้รับคำฟ้อง และดีเอสไอยังไม่ได้สรุปสำนวนตามที่กล่าวอ้าง เชื่อว่าข่าวนี้เป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต บิดเบือนข้อเท็จจริง พยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด

กลุ่มบุคคลนี้ได้ยื่นเรื่องต่อ PTT ขอให้ตรวจสอบในปี 66 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ PTT และบริษัทจดทะเบียนในเครืออีก 3 แห่งที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ OR , บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และบมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาแล้ว ปรากฏว่าปราศจากมูลความจริง ธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้ง OR และ GGC

PTT ระบุว่า การกระทำของกลุ่มบุคคลนี้มีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของ PTT กลุ่มบริษัทในเครือ และผู้บริหารฯ ด้วยกลยุทธ์ไม่โปร่งใสและมีเจตนาแอบแฝง เช่น การเริ่มต้นเผยแพร่หรือแชร์เอกสารผ่านบัญชีสื่อโซเชียลที่เป็น “บัญชีอวตาร” ส่วนใหญ่มักเป็นบัญชีปลอมหรือไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้ รวมทั้งใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของดีเอสเอ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย

ทั้งนี้ PTT อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียง ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่อาจบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อกลุ่ม PTT และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น สถานการณ์ดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสม

ในขณะที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับผลกระทบด้านลบ นักลงทุนจึงควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน

ส่วน OR จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เหมาะสม เพื่อปกป้องสิทธิ ชื่อเสียง และผลประโยชน์ของกิจการ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียของ OR โดย PTT และ OR ขอยืนยันในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 67)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top