หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์เข้าโหมดระวังลงทุนกังวล “ทรัมป์” ทำสงครามการค้าเดือด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน จากตลาดกังวลหลัง “ทรัมป์” ขู่ขึ้นภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้า ขณะที่ไม่มีปัจจัยในประเทศที่ผลักดันดัชนี ส่วนเมื่อคืน GDP สหรัฐออกมาตามคาด แต่ PCE แม้ตามคาดแต่ยังสูงกว่าเป้า คาดเฟดรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและเงินเฟ้อก่อนประชุม 17-18 ธ.ค.ให้แนวรับที่ 1,425-1,420 จุด แนวต้านที่ 1,440 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งไซด์เวย์ นักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังการลงทุน จากความกังวลที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นขับเคลื่อนตลาดหุ้นได้ โดยวันนี้เงินบาททรงตัว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ(บอนด์ยีลด์) และราคาน้ำมันก็ทรงตัว อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐปิดวันนี้ การลงทุนก็อาจจะชะลอตัว

ส่วนตัวเลข GDP สหรัฐเมื่อคืนออกมา 2.8% ตามคาด และ ดัชนี Core PCE ปรับตัวขึ้น 2.8% ตามคาด ทำให้ตลาดยังไม่สามารถให้น้ำหนักว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.หรือไม่ ล่าสุดตลาดให้น้ำหนัก 60% แต่ยังไม่ถึง70% จึงยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฟดรอตัวเลขอีก 2 ตัวคือตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่จะออกต้นเดือนธ.ค. และตัวเลขเงินเฟ้อที่จะออกกลางเดือน ธ.ค. ก่อนที่จะประชุมนัดต่อไปในวันที่ 17-18 ธ.ค.67

ให้แนวรับที่ 1,425-1,420 จุด แนวต้านที่ 1,440 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (27 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,722.06 จุด ลดลง 138.25 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,998.74 จุด ลดลง 22.89 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,060.48 จุด ลดลง 115.10 จุด หรือ -0.60%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 37,935.94 จุด ลดลง 199.03 จุด หรือ -0.52% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,558.18 จุด ลดลง 44.95 จุด หรือ -0.23% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,308.28 จุด ลดลง 1.50 จุด หรือ -0.04% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดลบ 0.16% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 เปิดบวก 0.54%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 พ.ย.) ที่ 1,430.40 จุด ลดลง 7.85 จุด (-0.55%) มูลค่าซื้อขาย 36,708.78 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 102 ล้านบาท (27 พ.ย.)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 พ.ย.) อยู่ที่ 6.09 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.55 ทรงตัว รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง จับตา Flow ช่วงสิ้นเดือน

– IMF หนุน ธปท.ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระการชำระหนี้ของประชาชน และผู้ประกอบการ ชี้รัฐบาลอย่าเพิ่มงบใช้จ่ายมากเกินไป มองเศรษฐกิจไทยอาจโตต่ำกว่าเป้าปีหน้า จากความเสี่ยงสงครามการค้าและหนี้ภาคเอกชนไทยยังสูง

– ‘นายกฯอิ๊งค์’ถกทีมกุนซือวางแผนเศรษฐกิจรับมือการเมืองโลกเปลี่ยนหลัง’ทรัมป์’จ่อนั่ง ปธน.สหรัฐ เร่งดันไทยเป็นฮับโลจิสติกส์ภูมิภาค พร้อมจีบ 40 บริษัทยักษ์มะกันลงทุน

– ‘รัฐบาลอิ๊งค์’ลุยแก้หนี้ ดีเดย์ ธ.ค.นี้ประกาศมาตรการสางหนี้บ้าน รถ บัตรเครดิต เอสเอ็มอี พักดอก 3 ปี ลดจ่ายเงินต้น อุ้มรากหญ้า ธุรกิจรายย่อย เครดิตบูโร คาดคนเข้าร่วม 50% ลดเอ็นพีแอลจาก 1.2 ล้านล้าน ลงกว่า 6 แสนล้านในปี’68 ด้านอสังหาฯ มองช่วยบูสต์เศรษฐกิจ ฟื้นเชื่อมั่น

– ตลท.เตรียมแถลงแผนกลยุทธ์ 3 ปี (ปี 2568-70) วันนี้ “รองรักษ์” แย้มมีแผนดึงฟันด์โฟลว์-หนุนการเข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น เผยช่วง 1 เดือนนี้ มีผู้มายื่นคำขอรับโอนหุ้น THG หลายสิบราย มูลค่าหลายล้านหุ้น หลังหุ้นถูกบังคับจำนำ-ขายทอดตลาด ยอมรับทุกกรณีที่กระทำผิดในตลาดทุนไทยกระทบเชื่อมั่น ลั่นเดินหน้าตรวจสอบลงโทษอย่างเข้มข้น-รวดเร็วเพื่อป้องปราม

*หุ้นเด่นวันนี้

– BDMS (ฟินันซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท แนวโน้ม Q4/67 ชะลอ q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาด y-y ยังโตได้ดี แม้เดือน ต.ค. รายได้ผู้ป่วยไทยจะดูทรงตัว แต่ต่างชาติยังแข็งแกร่งและยังเห็นการเติบโต Double Digit การเปลี่ยนแปลงระบบส่งต่อผู้ป่วยของ UAE ไม่ได้กระทบ โดยยังเห็นการเติบโตที่ดี ขณะที่ EBITDA Margin คาดยืนเหนือ 24% ต่อเนื่อง คาดกำไรปี 67-68 โตเฉลี่ย +11% ราคาหุ้นลงทำให้เทรด 2025PER เพียง 23 เท่า ต่ำกว่าในอดีตเทรด 25-30 เท่า

– AU (กรุงศรี) แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 12.50 บาท (เดิม 11.50 บาท) จาก (1) แนวโน้มแข็งแกร่งใน Q4/67 จาก SSSG ยังบวกต่อ การขยายฐานลูกค้า OEM และช่องทางจัดจาหน่าย และอัตรากำไรดีขึ้น (2) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 67-68 สะท้อนผลงาน Q3/67 ดีเกินคาด การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าและอัตรากาไรที่สูงขึ้น และ (3) ชอบ AU จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งด้วยแบรนด์มั่นคง การขยายช่องทางจำหน่ายและการปรับตัวได้เร็ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top