“ทรัมป์” เล็งไม่ยกเว้นภาษีนำเข้าน้ำมันจากแคนาดา-เม็กซิโก ชี้สหรัฐฯ อาจเจ็บเอง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอังคาร (26 พ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่ยกเว้นน้ำมันดิบในแผนเก็บภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก ขณะที่วงการอุตสาหกรรมน้ำมันเตือนว่า นโยบายนี้อาจกระทบผู้บริโภค อุตสาหกรรม และความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ แคนาดาและเม็กซิโกเป็นแหล่งนำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รวมกันคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของน้ำมันที่โรงกลั่นสหรัฐฯ นำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา ตามข้อมูลของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ค้าน้ำมันชั้นนำของสหรัฐฯ ระบุว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าครั้งนี้จะเป็นความผิดพลาด สะท้อนให้เห็นความขัดแย้งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างภาคอุตสาหกรรมน้ำมันกับทรัมป์

“นโยบายการค้าแบบเหวี่ยงแหที่อาจทำให้ต้นทุนการนำเข้าพุ่งสูง ลดการเข้าถึงวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน หรือนำไปสู่การตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้านั้น อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและบั่นทอนความได้เปรียบของเราในฐานะผู้ผลิตเชื้อเพลิงเหลวอันดับหนึ่งของโลก” โฆษกของกลุ่มผู้ผลิตเชื้อเพลิงและปิโตรเคมีแห่งอเมริกา (AFPM) ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันกล่าว

AFPM ระบุว่า อุตสาหกรรมในเครือจะ “ยังคงผลักดันให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงนโยบายใด ๆ ที่อาจกระทบต่อความได้เปรียบด้านพลังงานของสหรัฐฯ”

ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ได้แสดงจุดยืนต่อประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการค้าพลังงานระหว่างประเทศ

“แคนาดาและเม็กซิโกเป็นคู่ค้าพลังงานอันดับหนึ่งของเรา การรักษาการค้าผลิตภัณฑ์พลังงานให้เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนได้อย่างเสรีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางพลังงานของทวีปอเมริกาเหนือและผู้บริโภคชาวอเมริกัน” สก็อตต์ เลาเออร์มันน์ โฆษก API กล่าว

ทางด้านนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ในวงการน้ำมันได้ออกมาเตือนว่า มาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้โรงกลั่นในสหรัฐฯ ต้องซื้อน้ำมันในราคาที่แพงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อกำไรและทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น

ผลกระทบรุนแรงที่สุดคาดว่าจะมาจากการเก็บภาษีน้ำมันดิบจากแคนาดา ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญของโรงกลั่นในภาคมิดเวสต์ของสหรัฐฯ

“มิดเวสต์จะเผชิญกับราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงขึ้น เพราะยากที่จะหาน้ำมันดิบมาทดแทนน้ำมันจากแคนาดาที่ใช้อยู่ในตอนนี้” โรหิต ราธอด นักวิเคราะห์จากบริษัทติดตามเรือวอร์เท็กซา (Vortexa) กล่าว

“การเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบกว่า 4 ล้านบาร์เรลต่อวันจากซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของคุณ เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเอง” แมตต์ สมิธ นักวิเคราะห์จากบริษัทติดตามเรือเคปเลอร์ (Kpler) กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ย. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top