“วอลมาร์ท” ประกาศลดนโยบายด้านความหลากหลาย หลังโดนแอคทิวิสต์ฝ่ายขวาขู่บอยคอต

วอลมาร์ท อิงค์ (Walmart Inc.) เตรียมถอนตัวจากการดำเนินนโยบายด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ตามรอยบริษัทอื่น ๆ ที่ทยอยยกเลิกโครงการ DEI ซึ่งถูกกลุ่มนักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษนิยมต่อต้าน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (26 พ.ย.) ว่า วอลมาร์ท ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลก จะยกเลิกการใช้เกณฑ์เชื้อชาติและเพศในการคัดเลือกซัพพลายเออร์เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และจะยุติการเก็บข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ในการพิจารณาคุณสมบัติด้านการเงิน

วอลมาร์ทได้ยืนยันเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ย.) ว่า จะยุติการใช้คำว่า “DEI” (ย่อมาจาก Diversity, Equity and Inclusion) ในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ บริษัทจะลดการจัดฝึกอบรมพนักงานในเรื่องความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ ยุติการมีส่วนร่วมในการจัดอันดับโดยองค์กร Human Rights Campaign ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์เพื่อ LGBTQ และจะทบทวนการสนับสนุนงานไพรด์และกิจกรรมอื่น ๆ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ร็อบบี สตาร์บัค ผู้รณรงค์ต่อต้านนโยบาย DEI ได้โพสต์วิดีโอในโซเชียลมีเดียว่า ได้ข่มขู่วอลมาร์ทว่า จะชักชวนลูกค้าให้คว่ำบาตรห้างเพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันแบล็กฟรายเดย์ (Black Friday) ซึ่งเป็นช่วงชอปปิงสำคัญที่สร้างรายได้มหาศาลให้ร้านค้าในช่วงเทศกาลวันหยุด

โฆษกของวอลมาร์ทชี้แจงว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งนี้เกิดจากความตั้งใจที่จะสร้างบรรยากาศการทำงานที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และเปิดโอกาสให้พนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ทุกราย อย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้ วอลมาร์ทตามรอยบริษัทสหรัฐฯ อีก 10 กว่าแห่ง รวมถึงเดียร์ แอนด์ โค (Deere & Co.) และโบอิ้ง (Boeing) ที่ทยอยยกเลิกนโยบาย DEI ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำพิพากษาเมื่อปีที่แล้วห้ามมหาวิทยาลัยใช้เชื้อชาติเป็นปัจจัยในการรับนักศึกษา (Affirmative action) ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องทบทวนนโยบายด้านความหลากหลายของตนเอง

ด้านโฆษกวอลมาร์ทเปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มพิจารณาทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ภายหลังคำตัดสินของศาลฎีกา โดยการเปลี่ยนแปลงที่ประกาศในวันจันทร์นี้ได้มีการดำเนินการมาหลายเดือนแล้ว

สตาร์บัคกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า “กลุ่มอนุรักษนิยมไม่ใช่ผู้บริโภคที่ยอมจำนนอีกต่อไป เราตระหนักถึงอิทธิพลที่เรามีในตลาด และเราจะใช้มันเพื่อทำให้บริษัทต่าง ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 67)

Tags: ,
Back to Top