บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) บริษัทที่มีอายุยาวนานเกือบ 70 ปี จากธุรกิจเสาอากาศ ผันมาจับธุรกิจมือถือ ที่เรารู้จักในชื่อ ไอ-โมบาย และวันนี้หันมาขยายธุรกิจสัมปทาน โดยมีการบริหารงานผ่านมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว
นายรัฐนันท์ วิไลลักษณ์ หรือ”โฟน” ทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่ม SAMART ตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และนักลงทุนสัมพันธ์ มาเปิดใจกับ “อินโฟเควสท์” ว่าวันนี้ เขาพร้อมเข้ามาทำงาน โดยเข้ามาดูแลงานพร้อมเสาะแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเสริมทัพกลุ่ม SAMART
ด้วยจุดแข็งของกลุ่มที่ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ดี กับการสร้างคอนเนคชั่นที่ดีกับหน่วยงานราชการที่ส่งผลดีต่อกลุ่ม อีกทั้งมีพนักงานที่พร้อมลุยงานไปด้วยกัน ทำให้กลุ่ม SAMART สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้
“โฟน” ชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมากลุ่ม SAMART พึ่งพิงกับงานประมูลของภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องยอมรับว่างานภาครัฐก็ต้องรองบประมาณ และที่ผ่านมางบประมาณรัฐถูกเลื่อนออกไปมากจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้มีความไม่แน่นอนสูงและเกิดความเสี่ยงต่อกลุ่ม SAMART
ดังนั้น กลุ่ม SAMART มองว่า หากได้งานสัมปทานที่ได้รับเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) ในระยะยาวมากขึ้น น่าจะดีต่อกลุ่มมากกว่า แทนที่จะไปประมูลงานรัฐเป็นหลัก และจะทำให้ลดความเสี่ยงความไม่แน่นอนทางการเมืองด้วย
ปัจจุบัน กลุ่ม SAMART สร้างรายได้ประจำจากสัมปทานธุรกิจวิทยุการบินของกัมพูชายาวไปถึงปี 2594 โดยบมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV), งาน Direct Coding ที่เป็นระบบการพิมพ์รหัสควบคุมบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษีสรรพสามิต สินค้าประเภทเบียร์ที่ผลิตในประเทศ
และขณะนี้ อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจวิทยุการบินใน สปป.ลาว ที่จะมีสัญญาระยะยาว 30 ปี โดยเตรียมเซ็น MOU ในไตรมาส 4/67 ส่วนงาน Direct Coding ก็เตรียมต่อยอดไปสินค้าอื่น อาทิเช่น ยา อาหารเสริม เครื่องดื่มอื่น ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ “โฟน” ในฐานะรุ่นที่ 3 ของกลุ่ม SAMART ยังได้มองหาธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด เพื่อต่อยอดการสร้างรายได้ประจำได้เพิ่มขึ้น อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ธุรกิจที่เกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต ซึ่งคาดว่าต้นปี 68 จะมีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ เป้าหมายใน 3-5 ปี กลุ่ม SAMART จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำมากกว่า 70% จาก 30-40% ในปัจจุบัน ที่จะทำให้ผลประกอบการของกลุ่ม SAMART เติบโตอย่างมั่นคงมากขึ้น และสามารถมีกำลังเข้าไปซื้อกิจการ(M&A) ที่ดีเพื่อเสริมพอร์ตให้เติบโตยิ่งขึ้น
” ณ วันนี้ จากที่เราเห็น Overview สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เราก็มั่นใจว่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า SAMART ก็จะดีขึ้น ดีขึ้นอย่างมาก ถ้าเทียบกับช่วงโควิดที่ซบเซา” นายรัฐนันท์ กล่าวทิ้งท้าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 67)
Tags: INTERVIEW, SAMART, SCOOP, รัฐนันท์ วิไลลักษณ์, สามารถคอร์ปอเรชั่น, ไอ-โมบาย