หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์อัพหลังลงแรง ลุ้นศาลรธน.รับ-ไม่รับคำร้องคดีล้มล้างการปกครอง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุนไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ และมีโอกาสแกว่งไซด์เวย์อัพ หลังจากเมื่อวานปรับลงแรง ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ปิดบวก แต่ยังต้องติดตามทิศทางหุ้น DELTA หลังติด Cash Balance เป็นวันที่ 2 และติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ พร้อมให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,430 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ แต่มีโอกาสที่แกว่งไซด์เวย์อัพได้ หลังเมื่อวานปรับตัวลงมาแรง และภาพของตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้าวันนี้ที่เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมา ตามตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคีนที่ปิดบวก

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามทิศทางของหุ้น DELTA ต่อว่าจะเป็นอย่างไร ในการที่เข้าเกณฑ์ Cash Balance เป็นวันที่ 2 เพราะมีผลต่อทิศทางของดัชนี แต่มองว่าเม็ดเงินลงทุนที่ไหลออกจาก DELTA จะเข้าไปในหุ้นใหญ่กลุ่มอื่น ๆ แทน ซึ่งจะเห็นได้จากเมื่อวานนี้มีหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวปรับตัวขึ้นได้สวนทางดัชนี

นอกจากนี้ยังรอติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศวันนี้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับคำร้องเกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย คดีล้มล้างการปกครอง

โดยให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,430 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,870.35 จุด เพิ่มขึ้น 461.88 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,948.71 จุด เพิ่มขึ้น 31.60 จุด หรือ +0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,972.42 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือ +0.03%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,146.98 จุด เพิ่มขึ้น 120.81 จุด หรือ +0.32% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,613.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.44 จุด หรือ +0.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,368.04 จุด ลดลง 2.36 จุด หรือ -0.07%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ย.) ที่ 1,440.46 จุด ลดลง 22.02 จุด (-1.51%) มูลค่าซื้อขาย 41,553.85 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (21 พ.ย.) 1,108.51 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (21 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ย.) อยู่ที่ 5.97 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.75 บาท/ดอลล่าร์ อ่อนค่ารับดอลลาร์พลิกแข็งค่า จับตาสงครามรัสเซีย-ยูเครน,ราคาทอง
  • กลุ่ม ปตท.มองอินเดียจ่อแซง ผู้นำตลาดน้ำมัน ขึ้นเบอร์ 1 บริโภคน้ำมันโลก “ส.อ.ท.” จับตานโยบายทรัมป์ชี้ชะตาสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ลดความกังวลราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวน “สนพ.” รับนโยบายเร่งใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของผู้นำสหรัฐคนใหม่ ช่วยให้ราคาเชื้อเพลิงถูกลง กระทบแผนพลังงานชาติ ล่าช้าออกไปอีก คาดแล้วเสร็จต้นปีหน้า
  • “ไทยบีเอ็มเอ” จับตา “บจ.กลาง-อสังหาฯ” ที่มีปัญหา ในตลาดหุ้นไทยช่วง 1-2 ปี หลังฐานะการเงิน เสื่อมถอยเร็ว-ธรรมาภิบาลบริษัทส่อแย่ รับกระทบบรรยากาศ “ตลาดหุ้นกู้ไม่สดใส – หุ้นกู้ไฮยีลด์ยังไม่กลับมา” ประสาน “ตลท.-ก.ล.ต.” เปิดเผยข้อมูลให้นักลงทุนตัดสินใจได้เร็ว พร้อมวางโครงสร้างปั้น “ตลาดบอนด์” เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค
  • “แพทองธาร” เผยนโยบายเคลื่อนประเทศ ชี้ไทยเข้าช่วงเวลาดีที่สุดในการลงทุน เปิดแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 ด้าน ระยะสั้น-ยาว ดันอสังหาฯ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับภาคเกษตร หนุนท่องเที่ยว พร้อมลงทุนเอกชน ตอบโจทย์ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
  • “ทักษิณ-พท.” ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้ พิจารณารับ-ไม่รับคำร้องคดีล้มล้างการปกครอง เตรียมนำหนังสือ-ความเห็น อสส.กางบนโต๊ะประชุม “จตุพร” มั่นใจงานนี้มีหนาว จี้ “อสส.” รีบแจงความเห็นไม่รับดำเนินการคดี “ชูศักดิ์” แก้เกมยื้อแก้ประชามติ งัด รธน.มาตรา 137 อ้าง กม.ประชามติเข้าข่าย กม.การเงิน ไม่ต้องรอ 180 วัน จ่อถกวิปรัฐบาล เชื่อฝ่ายค้านเอาด้วย “อนุทิน” ย้ำ ภท.โหวตเสียงข้างมาก 2 ชั้น
  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส.เผยราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าขยับขึ้น 2.9% ส่งสัญญาณธุรกิจอสังหาฯ ฟื้นตัว คาดปี 68 ขยับราคาขึ้นต่อเนื่อง เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้ายังคงเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TIDLOR (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR จากการเข้าสู่ช่วงปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ในไตรมาส 4/67 ที่คาดว่าจะดีขึ้นอย่างมีนัยจากการเก็บหนี้ที่ดีขึ้น และจะเริ่มเห็นผลจากการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่ปี 66 ส่งผลให้ต้นทุนทางเครดิตและการเกิดหนี้เสียใหม่ลดลง อีกทั้งมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องต่ำกว่าคู่แข่ง และคาดว่าอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ปี 68 โดยคาดการเติบโตของสินเชื่อปี 68 ที่ระดับ 10% ด้วยความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลให้กำไรเดิบโต 14-16% ในปี 68 – 69
  • STA (ฟินันเซียไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 23 บาท เราคาด STA จะได้อานิสงส์จากราคายางที่คาดว่าจะยังปรับขึ้นในปี 68 จากภาวะ Supply Defict ของโลกจากกำลังการผลิตใหม่ที่จำกัด ส่วนมาตรฐาน EUDR แม้จะถูกเลือนเป็นสิ้นปี 68 แต่มองคำสั่งซื้อจะเร่งขึ้นใน 2H68 ส่วน Trade War มีโอกาสหนุนคำสั่งซื้อถึงมือยางจากไทยมากขึ้น เราคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 2.5 พันล้านบาท +43% y-y จากปริมาณการขายขายธรรมชาติและถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายถุงมือยางคาดปรับขึ้นตาม SICOM ส่วน EUDR ปัจจุบันเรายัง Conservative ในด้าน Gross Margin โดยใช้สมมติฐานเดียวกับยาง Non-EUDR แต่ถือเป็น Upside ของประมาณการ
  • SYNEX (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 17.40 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 169 ล้านบาท +6%QoQ, +19%YoY หนุนจากรายได้รวม +8%QoQ, +15%YoY มาจากการเพิ่มขึ้นขึ้นของสินค้ากลุ่ม smartphone ส่วนกลุ่มลูกค้า commercial และ enterprise เพิ่มขึ้นจากล้องวงจรปิด Storage และ Software Autodesk ขณะที่ GPM ดีขึ้น YoY และรักษาระดับได้ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/67 ซึ่งเป็น high season ได้รับประโยชน์จากยอดขาย smartchone และความต้องการ Upgrade สินค้า AI PC และปีหน้าบริษัทมองรายได้โต +10% จาก replacement cycle ของ PC / Mobile และเครื่องเล่น Nintendo Switch และ Authorized store ที่รวมมือกับ CPW ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิในปี 67-68 ที่ 648 ล้านบาท +26%YoY และ 755 ล้านบาท +17%YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 67)

Tags: ,
Back to Top