สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยขณะนี้ทั้งสองประเทศต่างก็โจมตีกันด้วยขีปนาวุธ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันอาจได้รับผลกระทบหากความขัดแย้งลุกลามเป็นวงกว้าง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.95% ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียยืนยันว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยกลางโจมตีฐานทัพทหารของยูเครน และเตือนชาติตะวันตกว่า รัสเซียสามารถโจมตีฐานทัพของประเทศใดก็ตามที่ใช้อาวุธโจมตีรัสเซีย
ปูตินกล่าวว่า ชาติตะวันตกกำลังยกระดับความขัดแย้งในยูเครนด้วยการอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย และสงครามครั้งนี้กำลังลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระดับโลก
ทั้งนี้ ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ และอังกฤษเข้าโจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซียในสัปดาห์นี้ แม้รัสเซียเตือนว่าการกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น
โอเล ฮาวัลบี นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท SEB กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มหันมาจับตาสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งหากเกิดภาวะชะงักครั้งใหญ่ก็อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันทั่วโลกด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวว่า อุปทานน้ำมันอาจตกอยู่ในความเสี่ยงหากยูเครนพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย และความเสี่ยงอีกด้านหนึ่งก็คือความไม่แน่นอนว่ารัสเซียจะตอบโต้ต่อการโจมตีเหล่านี้อย่างไร
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแนวโน้มเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 67)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน