DDD ลุยออฟไลน์-ออนไลน์จับมือพาร์ทเนอร์อัพยอดขาย-กำไร Q4/67 หลัง 9 เดือนพลิกกำไร

บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) ระบุว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 67 บริษัทยังคงมุ่นเน้นสร้างการเติบโตของยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงแผนการจับมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนาธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจให้เติบโตเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงามและไลฟสไตล์อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สินค้าของบริษัทครอบคลุม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE’CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, MAKAVELIC, EMJOI, @HOME และแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด VALERA

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 67 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ (Net Profit) สำหรับงวด 9 เดือนปี 67 มูลค่า 3.07 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลประกอบการขาดทุน 26.18 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการขาย 1,078.10 ล้านบาท ลดลง 69.15 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 6% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก

รายได้จากส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีรายได้ลดลงร้อยละ 16.03 จากงวดก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมพอร์ทที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เหมาะสำหรับทั้งช่างทำผมมืออาชีพและผู้ใช้งานทั่วไป คาดว่าผลิตภัฑณ์ดังกล่าวจะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในไตรมาสสุดท้ายได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจากบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย (Authorized distributor) ในบางประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้รายได้จากการขาย จากเดิมรับรู้รายได้จากยอดขายจากลูกค้า (End customer) เป็นการรับรู้รายได้จากการขายให้ตัวแทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นราคาขายส่ง (Wholesale price)

นอกจากนี้ ผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในทางตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศทำให้เส้นทางการขนส่งหลายเส้นทางถูกตัดขาดหรือไม่สามารถเข้าถึงได้ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ ในการกระจายสินค้าเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี รายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีรายได้ 686.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.82% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายในประเทศ 38.28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของยอดขายในประเทศ มีการพัฒนาสูตรการผลิต และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ระหว่างปีให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการขยายตลาดกลุ่มตัวแทนจำหนาย ช่องทางออนไลน์ และร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

ในขณะที่ต้นทุนขายรวมงวด 9 เดือนปี 67 มีมูลค่า 465.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.13% ของรายได้จากการขาย สัดส่วนเพิ่มขึ้น 11.65% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากต้นทุนขายสินค้าในต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะการแข่งขันในตลาด และราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ประกอบกับการขายสินค้ารายการพิเศษ (Big lot) ให้กับคู่ค้ารายหลักในต่างประเทศ

สำหรับค่าใช้จ่ายการขายมีมูลค่า 353.88 ล้านบาท ลดลง 13.44% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายของบริษัท และได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารมีมูลค่า 268.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.61% โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช่จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการปิดบริษัทร่วมทุนในประเทศฟิลิปปินส์ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ และ Unrealized loss จากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายคลังสินค้าและสำนักงานลดลงอย่างต่อเนื่องตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top