นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) เปิดเผยว่า สิ้นไตรมาส 3/67 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ให้กับสกาย กรุ๊ปในอีกอย่างน้อย 6-7 ปี เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างการเติบโตระยะยาวในอนาคต
นอกจากนี้ สกาย กรุ๊ป ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ สามารถต่อยอดได้ด้วยเทคโนโลยี เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ภาพรวมบริษัทจะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/67 (ก.ค.-ก.ย.) บริษัทสามารถทำรายได้รวม 1,715 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 111 ล้านบาท ลดลง 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตรากำไรของบริษัทในเครือ บริษัท รักษาความปลอดภัยและบริหารธุรการ สยาม จำกัด (SAMCO) และบริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล จำกัด (OTP) ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นของกลุ่มบริษัท รวมทั้งกลุ่มบริษัทได้รับรู้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ SAMCO ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจ
ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 67 (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทสามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 4,730 ล้านบาท เติบโต 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) และทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 331 ล้านบาท
สกาย กรุ๊ป สามารถขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากตลาดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประเทศไทยถึง 100 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีนักเดินทางเข้าออกประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20% ทำให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี
อีกทั้ง บริษัทมีการรับรู้รายได้จากบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เมทเธียร์ จำกัด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ อาทิ บริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล จำกัด (OTP) ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 67)
Tags: SKY, สกาย ไอซีที, สิทธิเดช มัยลาภ, หุ้นไทย