หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งออกข้างคล้ายภูมิภาค รอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-งบบจ.-ประชุมครม.

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งออกข้าง คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย นักลงทุนยังคงรอดูสหรัฐเปิดเผยการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคเดือนต.ค. ในคืนนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ในวันพรุ่งนี้ โดยตลาดคาดว่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เป็น 2.6% YoY จากเดิมที่ 2.4% YoY ขณะที่ Core CPI คาดทรงตัว 0.3% YoY

นอกจากนี้ยังจับตาโค้งสุดท้ายของการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นพอสมควร สำหรับบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด หรือใกล้เคียงคาด ทำให้มีแรงขายออกมา

ทั้งนี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันนี้ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีหรือไม่ รวมถึงติดตามศาลรัฐธรรมนูญจะรับ-ไม่รับคำร้อง คดียุบพรรคเพื่อไทยในวันที่ 22 พ.ย.นี้ จากเดิมที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 13 พ.ย.นี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,440 จุด และแนวต้าน 1,468 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,293.13 จุด เพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +0.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,001.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.81 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,298.76 จุด เพิ่มขึ้น 11.99 จุด หรือ +0.06%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 39,642.78 จุด เพิ่มขึ้น 109.46 จุด หรือ +0.28% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,334.09 จุด ลดลง 92.84 จุด หรือ -0.45% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,469.89 จุด ลดลง 0.18 จุด หรือ -0.005%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 พ.ย.) ที่ 1,456.47 จุด ลดลง 8.22 จุด (-0.56%) มูลค่าซื้อขายราว 39,777.93 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ ล้านบาท (11 พ.ย.) 812.68 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (11 พ.ย.) ลดลง 2.34 ดอลลาร์ หรือ 3.32% ปิดที่ 68.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 พ.ย.67) อยู่ที่ 5.39 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.6166 อ่อนค่า รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง จับตาดัชนี CPI-PPI สหรัฐฯ สัปดาห์นี้

– “เงินบาท” กลับมาอ่อนค่าหนักที่ 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความ “กังวลสงครามการค้า” ระยะข้างหน้า และ “เงินเฟ้อสหรัฐ” ยังสูงกว่าเป้าหมาย ส่งผลกดดันเฟดลดดอกเบี้ย น้อยกว่าคาด “กรุงไทย” มองเงินบาทผันผวน ชี้ปลายปีมีโอกาสพลิกแข็งค่าแตะ 33 บาท รับไฮซีซัน “ท่องเที่ยว-ส่งออก” หนุนปี 68 ผันผวนกว่าค่าเฉลี่ยอดีต เหตุ “ทรัมป์” เดินหน้านโยบายกีดกันนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่

– อัยการสูงสุด ตอบความคืบหน้าผลสอบคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างปกครองฯ ต่อศาล รธน.แล้ว เผย “ทักษิณ” ไม่ได้มาให้ปากคำ ขณะที่ ศาล รธน.เลื่อนถก รับ-ไม่รับ คำร้อง เป็นวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.

– รัฐบาลคาด นทท. ช่วงเทศกาลลอยกระทง ปี 67 คึกคัก ยอดจองเที่ยวบินพุ่ง 36% จากปีก่อน ตลอดเดือนพ.ย มีจำนวน 73,500 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 2,450 เที่ยวบิน กทม. วอนงดกระทงขนมปัง ทำน้ำเน่า ปลาตายเกลื่อน หวั่นซ้ำรอยสวนสันติภาพ ต้องฟื้นฟูบ่อยาวๆ 4 เดือน

– “คมนาคม” เดินเครื่องศึกษามาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด เปิดโมเดล 4 ประเทศ “อังกฤษ-สิงคโปร์-สวีเดน-อิตาลี” ยันช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดอย่างเป็นรูปธรรม ด้าน สนข.เร่งศึกษารายละเอียด

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– ANI (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.48 บาท แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 พื้นตัว QoQ เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการขนส่งสินค้าที่ผู้ประกอบการจะสต๊อกสินค้าเพื่อรองรับการขายในช่วงสิ้นปีและปีใหม่ ประกอบกับค่าระวางการขนส่งทางอากาศทยอยฟื้นตัว และบริษัทฯ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาสจากการร่วมลงทุนธุรกิจ GSA ในอินเดีย รวมถึงสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 750 ล้านบาท -7%YoY และ 900 ล้านบาท +20%YoY

– SAV (กสิกรไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 24.17 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/67 จะแข็งแกร่งจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นและการอ่อนค่าของเงินบาท โดยจำนวนเที่ยวบินในเดือนตุลาคมได้ทำจุดสูงสุดของปื 67 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันจะส่งผลให้ไตรมาส 4/67 มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งมาก นอกจากนี้ยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มเติมจากการลงนาม MOU กับรัฐบาล สปป. ลาวในการดำเนินงานควบคุมการจราจรทางอากาศ ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าในก้มพูชา 2-3 เท่า และมองว่าปี 68 จะเป็นปีที่สดใสจากการเปิดสนามบินใหม่ 2 แห่งในกัมพูชา

– BDMS (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 36.50 บาท คาดกำไรปกติ 3Q67 ที่ 4.22 พันล้านบาท +27% q-q, +9% y-y-y ทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนจากปริมาณผู้ป่วยจากต่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี คาดผลกระทบจำกัดจากแผนประกันสุขภาพแบบร่วมจ่าย คาดรายได้จะโตต่อเนื่องใน 4Q67 จากผู้ป่วยจากต่างประเทศซึ่งจะทำให้รายได้ปี 67 เกือบถึงเป้าการเติบโตของบริษัทที่ 10% เราคาดกำไรปี 67-68 เติบโดเฉลี่ย +11% ต่อปี ราคาหุ้นปรับลงทำให้เทรด 2025PER เพียง 23.9 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top