บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) (CGSI) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากข้อมูลของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่า crack spread ของน้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง (HSFO) ในเอเชีย เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดมาที่ 0.8 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลในเดือนต.ค.67 จาก -6 เหรียญ สหรัฐฯ/บาร์เรลในเดือนก.ย. 67 และ -5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 3/67 เพราะมีปัจจัยหนุนจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ซึ่งตารางส่วนใหญ่อยู่ช่วงเดือนต.ค. รวมถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นขนาดเล็กในจีน
ขณะที่ข้อมูลของ S&P Platts ระบุว่า รัฐบาลจีนอาจปรับอัตราภาษีการบริโภคของน้ำมันเตาและบิทูเมน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระภาษีของโรงกลั่นขนาดเล็กและส่งผลให้โรงกลั่นเหล่านี้ เร่งเติมสต็อก HSFO ก่อนจะมีการปรับอัตราภาษี จึงเชื่อว่า crack spread ของ HSFO อาจลดลงหลังสิ้นสุดฤดูปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในเดือนพ.ย.-ธ.ค.67 แต่น่าจะยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในงวด 9 เดือนแรกของปี 67 ที่ -6.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ตามข้อมูลของ S&P Platts ภูมิภาคเอเชียมีความต้องการน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 330k บาร์เรล/วันในไตรมาส 4/67 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นจากจีน (ทั้งเที่ยวบินในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ) และประเทศในกลุ่มอาเซียน เมื่อรวมกับอุปสงค์จากการเติมสต็อกก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว crack spread ของน้ำมันอากาศยานในเอเชียจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 13.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.67 จาก 10.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนก.ย. 67
ขณะเดียวกัน แนฟทาในเอเชียอยู่ที่ -2.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.หรือดีขึ้นจาก -6.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 3/67 เนื่องจาก Naphtha cracker มีอัตราการผลิตสูงขึ้นเมื่อกลับมาเปิดหลังหยุดซ่อมบำรุง
นอกจากนี้ crack spread ของน้ำมันดีเซลในเอเชียยังเพิ่มขึ้นจาก 10.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนก.ย.67 เป็น 13.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.หรือช่วงที่โรงกลั่นปิดซ่อมบำรุงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เล็งเห็น downside risk จากอุปสงค์ที่เติบโตจำกัดในจีน หลังยอดขายรถบรรทุก LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลว) ในประเทศนี้พุ่งสูงขึ้น
ขณะที่คาดว่า crack spread ของน้ำมันเบนซินในเอเชียจะทรงตัวที่ประมาณ 10-11 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรลในไตรมาส 4/67 ก่อนจะลดลงช่วงต้นปี 68 เมื่อหน่วย RFCC (residue catalytic cracking unit) ของ Dangote เริ่มผลิตน้ำมันเบนซิน
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า แรงหนุนจาก crack spread ของ HSFO และแนฟทาจะทำให้ค่าการกลั่นตลาด (GRM) ของ SPRC เพิ่มขึ้นจาก 3.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 3/67 เป็น 4.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.67 และแม้ว่า PTTGC และ BCP จะมีการผลิต HSFO และแนฟทาไม่มากนัก แต่เชื่อว่า GRM ของทั้งสองบริษัทอาจได้แรงหนุนจากน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำ (LSFO) เนื่องจากเชื้อเพลิงเรือเป็นที่ต้องการมากขึ้น (การขนส่ง สินค้าทางทะเลมีระยะทางไกลขึ้น จากปัญหาคอขวดด้านโลจิสติกส์ในตะวันออกกลาง) และโรงกลั่น Dangote มีการส่งออกลดลง นอกจากนี้ หากส่วนต่างระหว่างน้ำมันดีเซลและ HSFO หดแคบลงต่อเนื่องถึงปี 68 โครงการพลังงานสะอาด (CFP) จะมีขาดทุนสุทธิถ้า TOP ตัดสินใจเปิด complex แห่งนี้
ยังแนะนำ Neutral กลุ่มโรงกลั่น เพราะเชื่อว่าค่าการกลั่นตลาดจะอยู่ในระดับช่วงกลางวงจรที่ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 68 ขณะที่มองว่า upside risk จะมาจากอุปสงค์ของน้ำมันดีเซลในตลาดโลก และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่สูงกว่าคาดและกำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามาในตลาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 67)
Tags: น้ำมันดีเซล, สต็อกน้ำมัน, หุ้นกลุ่มโรงกลั่น, อุปสงค์น้ำมัน