ตลท.มองเลือกตั้งผู้นำสหรัฐชี้ทิศทางหุ้นไทย คาดรู้ผลชัดเจนวอลุ่มกลับมา

 

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยตัวแทนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้ประกาศนโยบายหาเสียงที่แตกต่างกันในหลาย ๆ ด้านทำให้ผลการคาดการณ์ว่าตัวแทนจากพรรคใดจะชนะสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น

ทั้งนี้ในปลายเดือนตุลาคม 2567 ผลการสำรวจการเลือกตั้งสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าคะแนนความนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ พลิกกลับมาแซงหน้านางคามาลา แฮร์ริส เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ทำให้ผู้ลงทุนมีความกังวลว่าอาจจะส่งผลให้เกิด สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจชะลอการลดดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ส่งผลให้เริ่มเห็นสัญญาณเงินลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นเอเชีย

นายศรพล กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป ต้องติดตามว่าจะเกิดสงครามการค้ากับจีนหรือไม่ หรือรุนแรงแค่ไหน ซึ่งก็มีโอกาสที่จะมีการย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย จากที่ทรัมป์หาเสียงไว้ว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60% แต่ประเทศอื่นเก็บ 10% นอกจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนหรือไม่ รวมถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจของไทย

ล่าสุด คะแนนของทรัมป์นำแฮร์ริส ซึ่งจากคะแนนจาก 7 Swing States ทรัมป์มีโอกาสชนะ จะทำให้สินทรัพย์กลับทิศ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) พุ่งขึ้น เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค ยกเว้น ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน โดยมีการโยกมาสินทรัพย์ปลอดภัย Fund Flow ออกจากภูมิภาคไหลกลับเข้าสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น เชื่อว่าอลุ่มการซื้อขายน่าจะกลับมา เริ่มลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยไทยก็มีจุดแข็งในกลุ่ม Health และกลุ่มความยั่งยืน ซึ่งมองว่ายังน่าสนใจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top