IROYAL ปิดเทรดวันแรกที่ 5.85 บาท ต่ำจอง 10%

IROYAL ปิดเทรดวันแรกที่ 5.85 บาท ลดลง 0.65 บาท หรือ -10.00% จากราคา IPO ที่ 6.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 397.91 ล้านบาท จากราคาเปิด 6.45 บาท ราคาสูงสุด 6.60 บาท ราคาต่ำสุด 5.60 บาท

บล.ทรีนีตี้ ประเมินราคาเป้าหมายสำหรับปี 2568 ของบมจ.อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) อยู่ที่ 10.20 บาท อิง P/E ที่ 17 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย P/E ที่ 20 เท่าของกลุ่มหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งคล้ายคลึงกับ IROYAL ที่เป็นผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมเพื่อจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบการผลิตของโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม และประเมิน EPS สำหรับปี 2568 ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น และถ้าพิจารณาอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2567-2568 จะมีการเติบโตเฉลี่ยราว 37%(CAGR) คิดเป็น PEG ที่ 0.45 เท่า โดยแนะนำ”ซื้อ”

IROYAL ประกอบธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรมเพื่อจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะที่ใช้ในระบบการผลิตของโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมถึงงานบริการติดตั้งและซ่อมบำรุงด้วยการออกแบบ ให้คำปรึกษา และนำเสนอโซลูชั่น เพื่อตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

คาดผลการกำไรปี 2567-2568 เติบโตสูงเฉลี่ย CAGR ราว 37% ต่อปี เติบโตจากการมีโอกาส bid งานมากขึ้นจากเงินที่ได้จากการทำ IPO

บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนจำนวน 115 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 86 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการออกและเสนอขายขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกนี้ บริษัทจะมีหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 230 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 25.22% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อ

1) ใช้ในการประมูลและค้ำประกันผลงาน งานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน

2) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

 

IROYAL มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้กับสถาบันการเงิน ประกอบกับความสามารถทำกำไรที่ดี ซึ่งมาจากการที่บริษัทคอยปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์โลก สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในอนาคตของ IROYAL เรามีมุมมองบวกจากการเติบโตของรายได้ที่เห็นการเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2566 ทำให้มีโอกาสเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งเราคาดการณ์ว่ากำไรในปี 2567-2568 จะโตเนื่องจากการขยายตัวจากการมีโอกาสรับงานใหม่มากขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นตามรายได้ ถึงแม้ว่าการประมูลงานใหม่ ๆ มีโอกาสจะได้มาร์จิ้นที่ลดลงในช่วงแรก

อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า Net Profit Margin จะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากกว่า 20% ทำให้เราคาดในปี 2567-2568 จะเป็นช่วงที่กำไรเติบโตสูงเฉลี่ย CAGR ราว 37% ต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top