นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2567 ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ในที่ประชุมวันนี้ ยังไม่ได้มีการหารือหรือพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงการรายงานความคืบหน้าในการทำงานของส่วนราชการต่าง ๆ ซึ่งบางเรื่องมีความคืบหน้า บางเรื่องมีอุปสรรคที่อยากให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและช่วยแก้ไข
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในที่ประชุมเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยอยากเห็นการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เข้าเป้าหมายที่ 80% ซึ่งมองว่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเม็ดเงินจะสามารถลงสู่ระบบเศรษฐกิจและช่วยเรื่องการเติบโตได้ทันที โดยไม่ต้องใช้มาตรการอะไร
ทั้งนี้ ภาพรวมการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนในช่วง 1 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67) ถือว่าดีกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้รักษามาตรฐานนี้ไว้ และเบื้องต้น รัฐบาลจะติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น
“จะมีการติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนเป็นรายสัปดาห์ และรายเดือน จะไม่ปล่อยไปถึงกลางปีแล้วค่อยมาพิจารณาว่าจะเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ตรงนี้ ถือว่าเป็นการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น” ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังได้ขอความร่วมมือหน่วยราชการ เรื่องการจัดทำและเชื่อมระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน กระทรวงการคลังได้เชื่อมโยงฐานข้อมูลภายในแล้ว แต่มองว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากมีการเชื่อมโยงกับส่วนราชการอื่น ๆ ที่สำคัญด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของภาครัฐมากขึ้น
ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ในที่ประชุมวันนี้ ยังไม่ได้มีการหารือหรือพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงการรายงานความคืบหน้าในการทำงานของส่วนราชการต่าง ๆ ซึ่งบางเรื่องมีความคืบหน้า บางเรื่องมีอุปสรรคที่อยากให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและช่วยแก้ไข
ขณะที่น.ส.แพทองธาร ระบุว่า กระทรวงการคลัง ถือเป็นเสาหลักด้านการคลังของประเทศ เพื่อพัฒนาด้านเศรษฐกิจให้ยั่งยืนต่อไป ซึ่งในการประชุมร่วมกันวันนี้ จะได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหารือถึงมาตรการด้านเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีปัญหารุมเร้าหลายด้าน ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน และยังมีความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองโลก ดังนั้น จึงต้องแก้ไขปัญหาที่สะสม พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดขึ้น
โดยเครื่องมือสำคัญ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะงบลงทุน ที่มีมูลค่าถึง 9.6 แสนล้านบาท คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 5% ของ GDP ประเทศ ดังนั้น ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงขอให้ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละกระทรวง ร่วมกันผลักดันเม็ดเงินการลงทุนลงสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อสร้าง GDP ให้ประเทศพร้อมกับสร้างรายได้ให้กับประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 67)
Tags: กระตุ้นเศรษฐกิจ, กระทรวงการคลัง, ลวรณ แสงสนิท, แพทองธาร ชินวัตร