คลัง พร้อมร่วมมือ DSI แกะปมธุรกิจ “ดิไอคอน” เข้าข่าย “แชร์ลูกโซ่” หรือไม่

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ประสานมายังกระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นว่าคดีเครือข่าย “ดิไอคอน กรุ๊ป” เข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงประชาชน หรือเป็น “แชร์ลูกโซ่” หรือไม่ รวมถึงขอความร่วมมือให้กระทรวงการคลังส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมอยู่ในคณะสอบสวนคดีดังกล่าวด้วย ซึ่งกระทรวงการคลัง จะต้องพิจารณาในรายละเอียดทั้งหมดตามข้อมูลต่าง ๆ และต้องอยู่บนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะในส่วนของ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527

โดยในส่วนนี้ มีเงื่อนไขสำคัญพร้อมกันในการพิจารณาอยู่ 3 ประการ ประกอบด้วย 1.การโฆษณาชวนเชื่อเป็นจำนวนเท่าไร 2.การกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายหรือไม่ และ 3.ไม่ได้ประกอบอาชีพการซื้อขายจริง แต่นำเงินมาจากที่อื่นมาจ่ายให้กับผู้เสียหาย

“การพิจารณาว่ามีความผิดเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกง หรือพิจารณาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น ต้องเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ประการ ซึ่งส่วนนี้ สศค. จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ น่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ไปช่วย DSI ตรวจสอบด้วย เพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งยืนยันว่า สศค. ยินดีที่จะเข้าไปช่วยดูแลเรื่องนี้ให้กับรัฐบาล” นายพรชัย กล่าว

สำหรับการเอาผิดแม่ข่ายระดับกลาง ไปจนถึงระดับล่างนั้น นายพรชัย ยอมรับว่าปัจจุบันการทำธุรกิจมีรูปแบบใหม่เกิดมามากขึ้น มีความซ้ำซ้อนมากขึ้น แต่ตัว พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2527 หรือ 40 ปีมาแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาทบทวน แก้ไขตัวบทกฎหมายกันใหม่เพื่อให้ทันสมับ ครอบคลุม และสอดคล้องทันสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น สามารถปฏิบัติได้จริงอย่างทันท่วงที ในการดูแลผู้เสียหายได้อย่างสูงที่สุด

นอกจากนี้ จะต้องมีการหารือกับหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฤษฎีกา ตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับส่วนใดบ้าง หลังจากนั้นต้องมาพิจารณาควบคู่ไปว่าจะเชื่อมโยงกับกฎหมายข้อใดที่จะต้องแก้ไขปรับปรุง เปลี่ยนแปลง โดยจะต้องเร่งดำเนินการสรุปข้อเสนอต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเรื่องนี้

“ยืนยันว่าจะยังออกเป็น พ.ร.ก. เช่นเดิม มองว่ามีความเหมาะสม เพื่อให้การบังคับใช้ทำได้ทันที และเร็วที่สุด ส่วนของการกำหนดบทลงโทษจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำความผิด และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน” นายพรชัย ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top