เงินบาทเปิด 33.79 แนวโน้ม Sideway ทางอ่อนค่า เกาะติด BOJ-รอความชัดเจนเลือกตั้งสหรัฐ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.79 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากปิดวันก่อนที่ระดับ 33.70 บาท/ดอลลาร์

ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Up ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อ ตัวลงบ้างของราคาทองคำ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways โดยเงินบาทยังคงมีโซนแนวต้านแถว 33.85 บาท/ ดอลลาร์ เพราะถึงแม้เงินดอลลาร์จะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง หรือบรรดานักลงทุนต่างชาติจะยังคงเดิน หน้าขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำยังมีจังหวะปรับตัวสูง ขึ้น

“เงินบาทอาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ” นายพูน ระบุ

วันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเป็นการประชุมหลังการเมืองญี่ปุ่นเผชิญความไม่แน่นอน อีกครั้ง โดย BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.25% ตามเดิม แต่ต้องจับตาการส่งสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทาง นโยบายการเงิน ภายใต้ความเสี่ยงการเมืองญี่ปุ่น ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับ สวัสดิการการว่างงาน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ (PCE) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 153.45 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นที่ระดับ 152.88 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0856 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นที่ระดับ 1.0839 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.742 บาท/ดอลลาร์ – ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ก.ย. 67 จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และรายงานภาวะ เศรษฐกิจการเงินเดือน ก.ย.67 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

– “แพทองธาร” พร้อมสนับสนุนทุกภาคธุรกิจเติบโต มีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศ ขณะที่ 3 กูรูเศรษฐกิจฉายภาพประเทศไทยยังฟื้นช้า ย้ำประเด็น “หนี้ครัวเรือน” เหนี่ยวรั้งการเติบโต วอนขอมาตรการกระตุ้นบริโภค “คูณสอง” คล้ายคนละครึ่งและมาตรการลดหย่อนภาษี

– รมว.คลัง คาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 2.7% แต่มองว่าควรขยายตัวได้มากกว่านี้ หลังจากในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ค่อนข้างมาก ขณะที่ปี 2566 ที่ผ่านมา ขยายตัวได้เพียงแค่ 1.9% เท่านั้น หวังเศรษฐกิจไทยปี 68 โตถึง 3% แย้มใกล้ได้ข้อสรุปออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ หนุนเปิดทางต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี

– ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่าปี 2567 ราคาทองคำทำจุดสูง สุดใหม่ (นิวไฮ) อย่างต่อเนื่อง นับจากต้นปีราคาทองคำอยู่ที่บริเวณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ทำให้ถึงขณะนี้ราคาทองคำได้ ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 750 ดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาพุ่งขึ้นมาแล้วถึง 30% ซึ่งถือว่าปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

– ทางการจีนเตรียมออกพันธบัตรใหม่มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า และอาจประกาศมาตรการใหม่นี้อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า

– กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตร มาส 3/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.8% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.0% หลังจากมีการขยายตัว 3.0% ใน ไตรมาส 2/2567 และ 1.4% ในไตรมาส 1/2567

– ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่ง ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 113,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อดอลลาร์ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วน บุคคล (PCE) โดยข้อมูลเศรษฐกิจทั้งสองรายการอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,800 ดอลลาร์ในวันพุธ (30 ต.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนของผลการ เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

– สภาทองคำโลก (WGC) คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อไป เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เผชิญกับการขาดดุลงบ ประมาณจำนวนมาก

– นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ะรดับ 0.25%

– นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ บริโภคและครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

– ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค. โดยนักวิเคราะห์คาด การณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 111,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่า อัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top