เงินบาทเปิด 33.75 ตลาดจับตาตัวเลขส่งออกไทย-ข้อมูลศก.สหรัฐ ให้กรอบ 33.65-33.85

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.75 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 33.79 บาท/ดอลลาร์

ตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down และมีจังหวะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตาม การทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ ซึ่งยังคงได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้ง ในตะวันออกกลาง

สำหรับทิศทางของค่าเงินบาท มีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลง แต่การอ่อนค่าอาจค่อยเป็นค่อยไป หากราคาทองคำยังมีจังหวะปรับ ตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งนอกเหนือจากทิศทางเงินดอลลาร์ และราคาทองคำ ควรจับตาทิศทางสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) รวมถึง เงินหยวนจีน (CNY)

ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ ตลาดจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น ยอดการส่งออก-นำเข้า และดุลการค้า เดือนก.ย., ดัชนี PMI ภาคการผลิต และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ เดือนต.ค. นอกจากนี้ ควรจับตางาน Monetary Policy Forum โดยธนาคาร แห่งประเทศไทย (BOT) ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินในระยะต่อไป

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.85 บาท/ดอลลาร์

 ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 153.54 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 152.02 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0793 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0824 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.776 บาท/ดอลลาร์
  • จับตาการรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศ (ยอดส่งออก-นำเข้า-ดุลการค้า) ของไทย เดือน ก.ย.67 จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต้องรอดูว่า มูลค่าการส่งออกไทยในเดือนก.ย. จะยังเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ได้หรือไม่ จากเดือนส.ค. ที่ +7% และเดือนก.ค. ที่ +12.5%
  • นายกฯ “แพทองธาร” สั่งพาณิชย์ดึงทุกหน่วยงานตั้ง “คณะกรรมการแก้ปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน และ ธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย” นัดแรกประชุม 1 พ.ย.นี้ เร่งหามาตรการแก้ปัญหา
  • ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ระดับหนี้สาธารณะของรัฐบาลยังไม่น่าห่วง เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือเครดิตเรตติ้ง เท่ากับประเทศไทย โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 64.02% ต่อจีดีพี มูลค่า 11.7 ล้านล้านบาท ยังไม่เกินกรอบที่กำหนดไว้ว่าจะต้องไม่เกิน 70% ของจีดีพี แม้รัฐบาลจะกู้เพิ่มเติมอีก 145,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางแล้วก็ตาม ทั้งนี้ แม้ว่าหนี้สาธารณะของรัฐบาลจะสูงขึ้น หลังโควิดปี 63-64 ที่ทำให้รัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้รวม 1.5 ล้านล้านบาท แต่ระดับหนี้สาธารณะไทยเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วยัง ต่ำกว่ามาก แต่หากเทียบกับกลุ่มประเทศที่ได้เครดิตเรตติ้ง ระดับเดียวกับไทยหรือ BBB+ ระดับหนี้สาธารณะของไทยจะอยู่กลางๆ ของกลุ่ม
  • “ท่องเที่ยว” อัดอีเวนต์-แคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี 67 “แพทองธาร” ควง “สรวงศ์” รมว.การท่องเที่ยวฯ เปิดตัว “ไทย แลนด์ วินเทอร์ เฟสติวัล” 29 ต.ค.นี้ กระตุ้นเดินทางไฮซีซัน “ททท.” ผนึกพันธมิตรระดมโปรโมชันดึงทัวริสต์ต่างชาติไตรมาส 4 กว่า 10.7 ล้านคน หนุนเป้าใหญ่ปีนี้แตะ 36.7 ล้านคน แรงส่งปี 68 ทะยาน 40 ล้านคน รับยุทธศาสตร์ “ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา”
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 70.5 ในเดือนต.ค. ซึ่ง เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 68.9 จากระดับ 70.1 ในเดือนก.ย.
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของ สหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผล ตอบแทนขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 4.26% ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการ จ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานและดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือนต.ค.มาตรวัดตลาดแรงงานจาก JOLTS ยอดทำสัญญา ขายบ้านที่รอปิดการขายอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนก.ย. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567
  • นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ในวันที่ 4 -8 พ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความหวังที่ว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top