“แมคโดนัลด์” ให้คำมั่นยกระดับความปลอดภัยอาหาร หลังพบอีโคไลระบาดในสหรัฐ

แมคโดนัลด์ (McDonald’s) ได้เร่งดำเนินการในวันพุธ (23 ต.ค.) เพื่อควบคุมความเสียหายจากการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) ที่เชื่อมโยงกับเบอร์เกอร์ควอเตอร์ พาวน์เดอร์ (Quarter Pounder) ของแมคโดนัลด์ หลังทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และล้มป่วยอีกเกือบ 50 ราย โดยแมคโดนัลด์ได้ยกเลิกเมนูดังกล่าวในร้านสาขาต่าง ๆ ใน 12 รัฐแล้ว

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังตรวจสอบการระบาดรายงานว่า การระบาดดังกล่าวทำให้ผู้คนล้มป่วยในฝั่งตะวันตกและมิดเวสต์ของสหรัฐฯ โดยมีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 10 คนเนื่องจากมีอาการที่รุนแรง ขณะที่โฆษกของแมคโดนัลด์ระบุว่า การระบาดเกิดขึ้นแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น

ทอม สกินเนอร์ โฆษกของ CDC กล่าวว่า “เราคาดว่าน่าจะมีผู้ป่วยมากกว่านี้ ซึ่งแมคโดนัลด์ก็ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วโดยหวังว่าจะสามารถป้องกันการระบาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

โจ เออร์ลิงเจอร์ ประธานประจำสหรัฐฯ ของแมคโดนัลด์กล่าวในวันพุธว่า แมคโดนัลด์จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ได้ถอนเมนูนี้ออกจากเมนูของร้านจำนวน 1 ใน 5 จากทั้งหมด 14,000 แห่งในสหรัฐฯ

แมคโดนัลด์ระบุว่า CDC และบริษัทกำลังตรวจสอบแหล่งจัดหาหัวหอมหั่นฝอยและเนื้อสับของบริษัทโดยละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุการระบาดของเชื้ออีโคไลดังกล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เชื้อแบคทีเรียอีโคไลสายพันธุ์ O157:H7 ที่ทำให้เกิดการระบาดในกรณีของแมคโดนัลด์นั้นเป็นสายพันธุ์เดียวกับเหตุการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นที่ร้าน Jack in the Box เมื่อปี 2536 ซึ่งทำให้เด็กเสียชีวิต 4 คน ขณะที่ ชารี เชีย ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยของอาหารแห่งสมาคมห้องปฏิบัติการสาธารณสุขกล่าวว่า เชื้ออีโคไลสายพันธุ์นี้สามารถทำให้เกิด “โรคร้ายแรง” ได้ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top