เงินบาทเปิด 33.83 อ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า ก่อนเลือกตั้งสหรัฐ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.83 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันอังคารที่ระดับ 33.49 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินตลาดโลกและภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยตอบรับนโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจของนายโดนัล ทรัมป์ ที่คาดการณ์จะชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นในต้นเดือน พ.ย.นี้

ส่วนปัจจัยในประเทศต้องรอดูทิศทางของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) ในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรที่มีแนวโน้มไหลออก และการค้าทองหลังราคาในตลาดโลกเมื่อคืนร่วงลงมากว่า 30 ดอลลาร์/ออนซ์

“บาทอ่อนค่าตามภูมิภาคและตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากคาดการณ์ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.65 – 33.95 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 152.57 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันอังคารที่ระดับ 150.88 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0784 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันอังคารที่ระดับ 1.0814 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.514 บาท/ดอลลาร์
  • รมว.ท่องเที่ยและกีฬา เปิดเผยว่า ภายในต้นเดือน ม.ค.68 จะเสนอให้ ครม. พิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีท่องเที่ยวในอัตราเดียว 300 บาทไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไทยในทางใด จากเดิมที่เคยมีข้อเสนอจัดเก็บ 2 อัตรา คือ ทางบกและทางน้ำ
    150 บาท และทางอากาศ ในอัตรา 300 บาท เพื่อป้องกันคำครหาการเลือกปฏิบัติ ภาษีที่เก็บครั้งนี้จะนำไปใส่ในกองทุนเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวไทยกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ
  • “จุลพันธ์” เดินหน้า พ.ร.บ.กาสิโนเต็มพิกัด พร้อมส่งเข้า ครม.สิ้นปีนี้ เร่งเข้าสภาต่อทันที มั่นใจเศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์ปั๊มรายได้นักท่องเที่ยวหัวละ 60,000 ดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 20% เดินหน้าจัดระเบียบสวัสดิการรัฐใหม่ลดความซ้ำ
    ซ้อนคนจนต้องได้สิทธิ คนรวยต้องตัดออก พร้อมเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ช่วยเศรษฐกิจส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้คึกคัก
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยในปี 67 จะขยายตัว 2.8% และ 3.0% ในปี 2568 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของไทยจะอยู่ที่ 0.5% ในปี 2567 และ 1.2% ในปี 2568 และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 1.1% ใน
    ปี 2567 และ 1.0% ในปี 2568
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเตือนเมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) เกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะทั่วโลก และเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายการคลังที่มีความยั่งยืนและเป็นไปอย่างระมัดระวัง
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.255% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (23 ต.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันพุธ (23 ต.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด
  • นักวิเคราะห์ของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs), เจพีมอร์แกน (JPMorgan) และซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเดินหน้าทำ
    สถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเปิดเผยในวันนี้ สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นและภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จาก S&P Global และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top