นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment complex) ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณารายละเอียดข้อกฎหมายและส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปจะเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบได้ภายในปีนี้ ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ได้เร่งดำเนินการเกี่ยวกับขั้นตอนข้อกฎหมายเพื่อให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น โดยยังไม่ได้มีการกำหนดสเปคของโครงการ เช่น พื้นที่ วงเงินลงทุน แต่อย่างใด เพราะรายละเอียดเหล่านี้ สามารถปรับแก้ได้ในชั้นของสภาซึ่งมีอำนาจที่จะปรับแก้ไขกฎหมายให้มีความเหมาะสมที่สุด โดยวัตถุประสงค์หลักของ Entertainment complex คือ การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงการก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 14,000-20,000 ตำแหน่ง และช่วงของการลงทุน ที่เชื่อว่า GDP จะขยับสูงขึ้น เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง
โดยหลังจาก Entertainment complex เปิดให้บริการแล้ว ก็จะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น ราว 60,000 บาท จาก 40,000 บาท และช่วยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ ราว 5-20% รวมถึงช่วยสร้างรายได้จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โดยในส่วนนี้ มีประเด็นที่รัฐบาลจะต้องดูว่าจะทำอย่างไรในการเขียนกฎหมายให้มีความรัดกุม ซึ่งต้องเน้นการจ้างงานภายในประเทศให้มากที่สุด ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด ได้ผ่านการศึกษาอย่างละเอียดของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นตัวเลขที่มีประโยชน์ และคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนทั้งหมดหลังจาก ครม. พิจารณา
“เบื้องต้น คาดว่าจะสามารถเสนอให้ ครม. พิจารณาได้ภายในปี 67 โดยต้องยอมรับว่า แม้โครงการนี้ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลจะทำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเร่งทำวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม และมองว่ารัฐบาลยังมีภารกิจสำคัญอื่น ๆ ที่จะต้องเร่งดำเนินการก่อน” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน ไม่เห็นด้วยกับโครงการ Entertainment complex นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ความเห็นแตกต่างถือเป็นเรื่องปกติ แต่ท้ายสุดแล้ว อำนาจในการพิจารณา ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นของสภาฯ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้รัดกุม เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วนข้อสังเกตและข้อเสนอต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการประชาพิจารณ์โครงการนั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมรับข้อสังเกตและความคิดเห็นต่าง ๆ เพื่อที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์มากที่สุด ทั้งข้อคิดเห็นที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยเมื่อเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนของสภาฯ แล้ว จะได้หารือกันในรายละเอียดต่อไป
รมช.คลัง ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับภาคเอกชนที่แสดงความสนใจลงทุนโครงการ Entertainment complex ถือเป็นเรื่องที่ดี และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีเอกชนรายใดบ้างที่แสดงความสนใจ
“สุดท้ายเมื่อกฎหมายมีผลบังคับ ภาคเอกชนที่แสดงความสนใจเหล่านั้น ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการประมูลตามกฎระเบียบของรัฐทั้งหมด ไม่มีอะไรซับซ้อน หากใครประมูลได้ คนนั้นก็ได้ลงทุน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีปิดกั้นแน่นอน” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับรายละเอียดของโครงการลงทุนทั้งหมดนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า ตามขั้นตอนแล้ว จะมีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในการกำหนดสเปคว่า Entertainment complex จะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง เพื่อทำให้โครงการนี้เกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น สวนสนุก หรือสนามกีฬา ขณะเดียวกันเอกชนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการที่จะต้องเข้ามาอย่างเปิดเผย โปร่งใส หากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติก็สามารถเสนอเพิ่มเติมให้รัฐได้ เช่น อาจจะมีโรงละคร เป็นต้น โดยรัฐบาลพร้อมพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนสนามม้า และสนามกอล์ฟ ก็จัดเป็น Entertainment complex เพราะถือว่าอยู่ในกลุ่มอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คณะกรรมการที่รับผิดชอบจะเป็นผู้กำหนดความชัดเจนอีกครั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 67)
Tags: Entertainment Complex, กระทรวงการคลัง, ครม., จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, สถานบันเทิง