บลจ.กสิกร ให้เป้า SET ปีหน้าแตะ 1,600 จุด แนะจัดพอร์ตกระจายเสี่ยงพร้อมโตยั่งยืน

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกกลับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้นในปีหน้า ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลง 0.5% เปิดโอกาสให้ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ปรับลดดอกเบี้ยตามไปด้วย สำหรับตลาดหุ้นจีน การลดดอกเบี้ย และมาตรการภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ที่ประกาศออกมา ทำให้ตลาดหุ้นจีนฟื้นได้ในระยะสั้น และคาดว่าจะมีมาตรการด้านการคลังออกมาเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป

ด้านเศรษฐกิจอินเดียมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคในประเทศ บริษัทในอินเดียมีความสามารถในการทำกำไรสูง ด้านตลาดหุ้นเวียดนาม ยังคงดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของสินเชื่อธุรกิจและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น หนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการส่งออก

ด้านตลาดทองคำ ในช่วงที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก ทั้งจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเข้าใกล้การเลือกตั้ง และวัฏจักรที่เฟดลดดอกเบี้ย บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำให้เข้าสะสมทองคำหากมีจังหวะย่อเท่านั้น

“สำหรับตลาดหุ้นไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกจากการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับในอดีต ประกอบกับเม็ดเงินใหม่ ที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นจากการตั้งกองทุนวายุภักษ์ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวได้จากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีซึ่งเป็น High Season มองเป้าหมายดัชนีปลายปี 2024 ที่ระดับ 1,450-1,500 จุด และปี 2025 ที่ระดับ 1,600 จุด” นายวินกล่าว

นายวิน แนะนำให้ผู้ลงทุนจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยงตามหลักการ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนแนะนำจากกสิกรไทย ในไตรมาส 4/67 จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1: Core Portfolio เน้นลงทุนระยะยาวแบบ Asset Allocation ประมาณ 80% ของพอร์ต โดยแนะนำกองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-WPULTIMATE ส่วนที่ 2: Satellite Portfolio เน้นลงทุนระยะสั้นแบบจับจังหวะตลาด (Market Timing) ประมาณ 20% ของพอร์ต โดยแนะนำกองทุน K-FIXEDPLUS, K-GSELECT, K-INDIA, K-VIETNAM, K-STAR และ K-PROPI

สำหรับระยะเวลาการถือครองหน่วยลงทุนของกองทุนใน Core Portfolio บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้เป็นการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ส่วนกองทุนใน Satellite Portfolio แนะนำให้เป็นการลงทุนระยะสั้นอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อรอประเมินสถานการณ์ตลาดในระยะถัดไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top