ผลสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำโดยบลูมเบิร์ก มาร์เก็ต ไลฟ์ พัลส์ (Bloomberg Markets Live Pulse) ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2567 แม้ผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ จะมีความไม่แน่นอนก็ตาม
ค่ามัธยฐานในการสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ 411 รายที่เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500 จะทะยานขึ้นแตะระดับ 6,000 จุดภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าระดับปิดของวันศุกร์ (18 ต.ค.) มากถึง 2.3% โดยดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,864.67 จุดในวันศุกร์
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ราว 75% ที่เข้าร่วมการสำรวจคาดการณ์ว่า การเปิดเผยผลประกอบการในฤดูกาลนี้จะเป็นปัจจัยหนุนดัชนี S&P 500 โดยมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นมากกว่าปัจจัยที่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีความสำคัญมากกว่าแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
บริษัทราว 20% ที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 มีกำหนดรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัท เทสลา อิงค์ (Tesla Inc) และไอบีเอ็ม คอร์ป (IBM Corp) ขณะที่ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ระบุว่ามีบริษัทที่รายงานผลประกอบการไปแล้ว 70 แห่ง ซึ่ง 76% ในจำนวนนี้เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
หลังจากการเปิดเผยผลประกอบการของเทสลาแล้ว บริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม “Magnificent Seven” หรือ 7 บริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงก็จะเริ่มรายงานผลประกอบการในช่วงปลายเดือนนี้ โดยที่ผ่านมานั้น หุ้นเทคโนโลยีในกลุ่มนี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล อิงค์ (Apple Inc), ไมโครซอฟท์ คอร์ป (Microsoft Corp), อัลฟาเบท อิงค์ (Alphabet Inc), อะเมซอนดอทคอม อิงค์ (Amazon.com Inc), อินวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp) และเมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ (Meta Platforms Inc) ถือเป็นแรงผลักดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 67)
Tags: S&P500, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นสหรัฐ