โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันระบุเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ว่า เขาอาจเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากเม็กซิโกมากกว่า 200% โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการขายรถยนต์จากเม็กซิโกมายังสหรัฐฯ
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ (Fox News) ที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า “อาจจะ 200% หรือ 500% ผมจะกำหนดภาษีที่พวกเขาไม่สามารถขายรถได้แม้แต่คันเดียว”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทรัมป์ซึ่งกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดกับคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ได้เคยให้คำมั่นไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง เขาจะกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกที่ระดับ 100% โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ
ในระหว่างการสัมภาษณ์ ทรัมป์ได้ชี้แจงว่า “ผมใช้ตัวเลข 200% เพื่อยกตัวอย่าง ผมไม่ต้องการรถของพวกเขา พวกเขาจะไม่สามารถขายรถที่นี่ได้ ผมจะไม่ยอมให้พวกเขาสร้างโรงงานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนและขายรถเป็นล้านคันในสหรัฐฯ ซึ่งจะยิ่งทำให้ดีทรอยต์ได้รับผลกระทบมากขึ้น”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกอย่างมาก ทั้งในฐานะประธานาธิบดีและผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2559 โดยบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ระบุในปี 2562 ว่า การขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์และส่วนประกอบรถยนต์ของเม็กซิโกสูงถึง 25% อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์และทำให้ต้นทุนของรถยนต์สูงขึ้น
ภายใต้คำแนะนำของทรัมป์นั้น ในปี 2561 สหรัฐฯ, เม็กซิโก และแคนาดาได้เจรจาข้อตกลงการค้าเสรีของทวีปอเมริกาเหนือใหม่ โดยเพิ่มข้อกำหนดที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า จะยังคงมีการผลิตรถยนต์มากขึ้นในสหรัฐฯ ต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 67)
Tags: พรรครีพับลิกัน, ภาษีรถยนต์, สหรัฐ, เม็กซิโก, เลือกตั้งสหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์