ตลาดที่อยู่อาศัยของฮ่องกงที่กำลังซบเซานั้นได้รับแรงกระตุ้นที่รอคอยมาอย่างยาวนานจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตลาดหุ้นที่คึกคักขึ้น
ทั้งนี้ ยอดขายทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองในฮ่องกงพุ่งขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกระตุ้นให้นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าราคาบ้านจะเริ่มฟื้นตัวหลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างยากลำบากท่ามกลางปัญหาปริมาณบ้านล้นตลาดเรื้อรัง และเศรษฐกิจอ่อนแอลง
มิดแลนด์ เรียลตี (Midland Realty) บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงระบุว่า ซันฮุงไก พร็อพเพอร์ตีส์ (Sun Hung Kai Properties Ltd.) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของฮ่องกงขายอะพาร์ตเมนต์ได้มากกว่า 200 ห้องในวันเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ปรับขึ้นราคาของอะพาร์ตเมนต์ชุดต่อไปในทันที ขณะเดียวกัน ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 60% ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
แซม หว่อง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากเจฟเฟอรีส์ (Jefferies LLC.) กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวหลังแตะจุดต่ำสุด” หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงดำเนินต่อไป และการดีดตัวของตลาดหุ้นยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเขาคาดว่า ราคาบ้านจะเพิ่มขึ้นในระดับเลขหลักเดียวในปีหน้า
เอ็มรีเฟอร์รัล มอร์ตเกจ โบรกเกอเรจ เซอร์วิสเซส (mReferral Mortgage Brokerage Services) ระบุว่า เมื่อเดือนที่แล้วธนาคารกลางฮ่องกงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% เช่นเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งผลให้ธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ (HSBC Holdings) และธนาคารอื่น ๆ ภายในฮ่องกงต่างพากันปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง โดยอัตราดอกเบี้ยจำนองในปัจจุบันอยู่ที่ 3.875% ลดลงจากระดับ 4.125% ก่อนหน้านี้
บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (BI) ระบุว่า มูลค่าที่อยู่อาศัยในฮ่องกงอาจยุติการปรับตัวลงในปี 2568 เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้น จะทำให้ต้นทุนการจำนองลดลง และจะเพิ่มความต้องการลงทุนมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 67)
Tags: ตลาดอสังหาริมทรัพย์, อสังหาริมทรัพย์, ฮ่องกง