นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงผลการหารือระหว่างนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ผลการหารือเป็นไปในทิศทางบวก โดยได้มีการจูนภาพเศรษฐกิจที่ตรงกันมากขึ้น รวมถึงคลังได้มีการแสดงความเป็นห่วง และสะท้อนในเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไป รวมถึงช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากด้วย
ส่วนการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเชื่อว่า ภายหลังการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันนั้น จะช่วยทำให้การตัดสินใจต่าง ๆ ของ กนง. มีศักยภาพ และตรงกับบริบทของโลกมากขึ้น
“เนื้อหาที่หารือกันระหว่างคลังกับ ธปท. นั้นเป็นไปในทิศทางบวก นั่นหมายถึงมีการปรับจูนมุมมอง และมีการแลกเปลี่ยนข้อห่วงใยต่าง ๆ กันพอสมควรแล้ว ส่วนการพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น อยู่ในวิสัยที่ธปท. และกนง. จะใช้ข้อมูลทั้งหมดที่พูดคุยกันร่วมตัดสินใจ เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ เรื่องนี้จะต้องให้เกียรติกันในการที่จะหาผลที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป” นายเผ่าภูมิ กล่าว
อย่างไรก็ดี หากการประชุม กนง. ในวันที่ 16 ต.ค. นี้ ไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง นโยบายการคลังจำเป็นจะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การดูแลเศรษฐกิจมี 2 ขา คือนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง เมื่อขาหนึ่งทำงานน้อย อีกขาหนึ่งก็ต้องทำงานให้มากขึ้น เป็นกลไกธรรมชาติ เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินไปได้ด้วยอัตราเร่งที่เหมาะสม
โดยในส่วนของมาตรการด้านการคลัง ก่อนหน้านี้ได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินไปแล้ว 1.4 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งช่วยกระจายเม็ดเงินลงไปในทุกภาคส่วนของประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจมีความคึกคักมากขึ้น
ขณะที่การเดินหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 อาจต้องรอดูผลความสำเร็จของเฟสแรกก่อนว่า เม็ดเงินสามารถกระจายตัวได้แค่ไหน หมุนไปได้ขนาดไหน และมีมิติของการผลักต่อเศรษฐกิจสูงเท่าไหร่
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า หลังจากนั้นต้องรอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาก่อน ซึ่งจะไม่ได้ดูแค่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น แต่จะต้องดูในภาพรวมของมาตรการทั้งหมดที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ และจะต้องทำให้เชื่อมโยงกันระหว่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และมาตรการอื่น ๆ โดยคาดว่าคณะกรรมการฯ จะสามารถประชุมได้ภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง
“เฟส 2 ต้องดูระยะเวลา เนื่องจากผลของมาตรการแต่ละระลอกจะมีผลที่ทิ้งช่วง ไม่ใช่ว่าจ่ายเงินไปวันนี้แล้วผลจะหมดทันที แต่ผลทางเศรษฐกิจจะต้องรอให้หมุนไปก่อน ซึ่งคลังไม่ลืมที่จะรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจให้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะหากแรงส่งตรงนี้หยุด ครั้งต่อไปที่จะส่งแรงส่งจะหนักกว่า ดังนั้น จะต้องส่งแรงส่งต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถามว่าเครื่องมือมีแค่เฉพาะการกระจายเม็ดเงินหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่ใช่ เรามีมาตรการภาษี มาตรการทางการเงิน มาตรการสินเชื่อ ซอฟท์โลนต่าง ๆ ที่จะเข้าไปช่วย” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ส่วนกรณีที่เอกชนมีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินโครงการคูณ 2 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ โดยประชาชนซื้อสินค้าราคา 100 บาท จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอีก 100 บาทนั้น นายเผ่าภูมิ ระบุว่า ข้อเสนอมีได้ และในส่วนของภาครัฐก็มีหน้าที่รับข้อเสนอต่าง ๆ ที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอะไร จากใคร และเรื่องไหน นำมาวิเคราะห์ เมื่อวิเคราะห์เสร็จก็เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ต.ค. 67)
Tags: กนง., ธปท., พิชัย ชุณหวชิร, อัตราดอกเบี้ย, เผ่าภูมิ โรจนสกุล, เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ, แบงก์ชาติ