กรมสรรพากรฟิลิปปินส์ประกาศในวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า ฟิลิปปินส์จะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 12% สำหรับบริการดิจิทัลที่นำเสนอโดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อาทิ อะเมซอน (Amazon), เน็ตฟลิกซ์ (Netflix), ดิสนีย์ (Disney) และอัลฟาเบท (Alphabet) เพื่อเป็นการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันทางธุรกิจกับผู้ประกอบการภายในประเทศที่มีหน้าร้าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันพุธ (2 ต.ค.) ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ได้ลงนามอนุมัติกฎหมายว่าด้วยการจัดเก็บ VAT จากผู้ให้บริการดิจิทัลต่างประเทศ อาทิ บริการสตรีมมิงและเสิร์ชเอนจิน
โรเมโอ ลูมากุย อธิบดีกรมสรรพากรแถลงว่า “มาตรการนี้จะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในหมู่ผู้ประกอบธุรกิจที่ทำกำไรจากผู้บริโภคในฟิลิปปินส์ โดยการแข่งขันที่เท่าเทียมย่อมนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น”
กรมสรรพากรระบุว่า ในปัจจุบันมีเพียงผู้ให้บริการดิจิทัลภายในประเทศเท่านั้นที่ต้องเสีย VAT ในอัตรา 12%
สำนักงานการสื่อสารแห่งประธานาธิบดีแถลงว่า รัฐบาลตั้งเป้าจัดเก็บ VAT ให้ได้ 1.05 แสนล้านเปโซ (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ระหว่างปี 2568-2572 โดยวางแผนจัดสรร 5% ของรายได้นี้เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ บริการด้านการศึกษาและบริการเพื่อประโยชน์สาธารณะจะได้รับการยกเว้น VAT ดังกล่าว
กรมสรรพากรระบุว่า บริการดิจิทัลที่ให้บริการโดยบริษัทต่างชาติจะถือว่าเข้าข่ายต้องเสีย VAT หากมีการใช้บริการนั้นในฟิลิปปินส์
อนึ่ง นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มียอดการใช้งานที่สูงขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ก็ต้องเผชิญกับระบบภาษีที่เข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 67)
Tags: VAT, ฟิลิปปินส์, ภาษีมูลค่าเพิ่ม