นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2567 นี้ (ต.ค.66 – ก.ย.67) กรมธนารักษ์ สามารถจัดเก็บรายได้ เป็นจำนวน 14,378 ล้านบาท คิดเป็น 125.03% ของประมาณการทั้งปี ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของกรมธนารักษ์ ซึ่งเกิดจากการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ และการผลิตเหรียญกษาปณ์ ทำให้สามารถจัดเก็บรายได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ได้มอบแนวนโยบายให้ดำเนินการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ (TRD Next Step) โดยการเพิ่มพื้นที่จัดหาประโยชน์ 10% และเพิ่มผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ROA (Return on Asset) ในสัญญาเช่าเชิงพาณิชย์ในกลุ่มเป้าหมายขึ้น 3% เพื่อให้กรมธนารักษ์สามารถจัดเก็บรายได้รวม 55,000 ล้านบาท ตามแผนระยะ 5 ปี (ปี 2566 – 2570)
ขณะที่ในปีงบประมาณ 2568 กรมธนารักษ์ ตั้งเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ไว้ที่ 11,600 ล้านบาท
ด้านนายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์ สามารถจัดเก็บรายได้เพื่อนำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ 14,378 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2,878 ล้านบาท คิดเป็น 125.03% ของประมาณการรายได้ทั้งปี หรือสูงกว่าเป้าหมาย 25.03% ซึ่งรายได้ดังกล่าว ประกอบด้วย การจัดเก็บรายได้จากภารกิจด้านที่ราชพัสดุ และการจัดเก็บรายได้จากภารกิจด้านเหรียญกษาปณ์
โดยรายได้จากภารกิจด้านที่ราชพัสดุ จำนวน 13,442 ล้านบาท คิดเป็น 125.63% โดยมาจากรายได้ปกติที่เป็นค่าเช่าที่ราชพัสดุ 10,601 ล้านบาท และรายได้พิเศษ 3,776 ล้านบาท อาทิ ค่าเวนคืนที่ดินเพื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ของการไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), ค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ของ รฟม., การต่ออายุสัญญาจากค่าเช่าส่วนเพิ่มและค่าธรรมเนียมต่ออายุสัญญา ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, การเวนคืนที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน, การประมูลขายทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล และส่วนแบ่งรายได้จากบริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด
ส่วนการจัดเก็บรายได้จากภารกิจด้านเหรียญกษาปณ์ สามารถจัดเก็บรายได้ จำนวน 936 ล้านบาท คิดเป็น 117.01% ของประมาณการทั้งปี โดยมาจากรายได้ปกติ 743.5 ล้านบาท และรายได้พิเศษ 192.5 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 67)
Tags: กรมธนารักษ์, จำเริญ โพธิยอด, ราชพัสดุ, อธิบดีกรมธนารักษ์