นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ แถลงผลหารือแนวทางการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนไทย-จีนว่า รัฐบาลจีนยินดีให้ความร่วมมือกับไทยตามที่ไทยร้องขอ โดยเฉพาะปัญหาขาดดุลการค้าของไทย ซึ่งรัฐบาลจีนพร้อมส่งเสริมนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่ม ทั้งสินค้าเกษตร ทุเรียน รวมถึงยินยอมรับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าของไทย ทั้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งไทยบังคับใช้กับทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะจีน เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนไทย
“ส่วนความกังวลสินค้าจีนเข้าไทย เราไม่อยากให้รู้สึกว่าจีนเป็นผู้ร้าย เพราะทางจีนรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและก็ดีใจที่มีโอกาสได้พูดคุยกับไทย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน อย่างล่าสุดในงาน มหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ซนานาชาติ 2567 ที่นำอินฟลูฯจีน มาไลฟ์ขายสินค้าไทย วันแรกขายได้ถึง 320 ล้านบาท คาดว่าจะทะลุ 1,000 ล้านบาทเมื่อครบ 5 วัน จึงจะใช้วิกฤตเปลี่ยนเป็นโอกาสในการแก้ปัญหา ให้ 2 ประเทศเติบโตดีขึ้น”
นอกจากนี้ จีนยังยินดีสนับสนุนนำผู้ประกอบการไทย และเอสเอ็มอีเข้าไปเปิดตลาดขายสินค้าในจีน ทั้งผ่านงานแสดงสินค้า และช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok หรือ Alibaba รวมถึงสนับสนุนให้ทุนจีนเข้ามาลงทุนเพิ่ม ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ชิป ยานยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับสนับสนุนให้ชาวจีนมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วง 8 เดือน ชาวจีนมาเที่ยวไทยแล้ว 5 ล้านคน คาดว่า ถึงสิ้นปีนี้จะแตะ 8 ล้านคน อีกทั้งยังจะพัฒนาทรัพยากรบุคคลไทยรองรับเทคโนโลยีใหม่ และส่งเสริมนโยบายรัฐบาล ซอฟท์พาวเวอร์ เช่น ภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้เราได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ให้ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ให้มีความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้น จีนจะเปิดให้ SMEs ไทยไปขายของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีนมากขึ้น เป็นโอกาสของไทยที่จะขยายการส่งออกไปยังจีน ให้ SMEs ไทยมีโอกาสเติบโตมากขึ้น หวังว่าการพบกันครั้งนี้จะนำไปสู่ความรุ่งเรืองระหว่างไทยและจีนขยายยิ่งขึ้นในอนาคต
ด้านนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาจีน กล่าวถึงกรณีแพลตฟอร์ม TEMU ว่า TEMU ได้รับทราบกฎระเบียบและข้อร้องต่าง ๆ แล้ว และกำลังประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของฝ่ายไทย กำลังจัดตั้งบริษัทและลงทะเบียนอย่างเป็นทางการที่ไทย ยินดีให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้มีความเข้มงวดในการตรวจสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศบังคับใช้ใช้กฎหมายในการควบคุมให้ถูกต้องตามมาตรฐานและกฎหมายของไทย
นายหาน ระบุว่า ไม่ควรปล่อยให้ข่าวเรื่องสินค้าจีนมากระทบความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ ที่มีประโยชน์ร่วมกันมาก ทั้งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ดังนั้น ควรพยายามหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสม หามาตรการมาควบคุมจัดการ ไม่อยากให้เหมารวมการค้าจากจีนในเชิงลบ ซึ่งจะทำลายผลประโยชน์ทั้ง 2 ประเทศ โดยจีนยินดีให้ความร่วมมือตรวจสินค้าที่ไทยนำเข้าให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย และส่งเสริมสินค้าไทยไปขายในจีนเพิ่มขึ้น
อนึ่ง ในปี 66 ไทยและจีนมีมูลค่าการค้ารวม 104,964 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.64 ล้านล้านบาท โดยไทยขาดดุลจีน 36,635 ล้านเหรียญฯ หรือ 1.29 ล้านล้านบาท สินค้านำเข้าหลักจากจีน ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้าส่งออกไปจีน ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 67)
Tags: Temu, จีน, ดุลการค้า, พิชัย นริพทะพันธุ์, มอก., สินค้าจีน, อย., ไทย