ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมยมวิทยาคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีฝนตกหนักมากในบางพื้นที่ของภาคเหนือ และตกหนักบางแห่งในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลสู่ลุ่มเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาประมาณ 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) จากคาดการณ์ของกรมชลประทานใน 1-7 วันข้างหน้า ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 2,000-2,100 ลบ.ม./วินาที และคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำท่า (Side flow) สมทบกับน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังเพิ่มขึ้น จะทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้นอีก
ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำสอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในพื้นที่ กรมชลประทานได้ทยอยปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราไม่เกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที โดยจะระบายน้ำแบบขั้นบันได ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย บริเวณตำบลหัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1-1.50 เมตร
โดยกรมชลประทานได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร เพื่อประสัมพันธ์ไปยังบริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งประชาชนริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น และมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจะแจ้งให้ทราบต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 67)
Tags: กรมชลประทาน, สถานการณ์น้ำ, เขื่อนเจ้าพระยา