นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มฯ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ส.ค.67 อยู่ที่ คัน 86,066 ลดลง 1.70% จากเดือน ส.ค.66 แต่เพิ่มขึ้น 3.04% จากเดือน ก.ค.67 โดยเฉพาะยอดส่งออกรถกระบะที่ลดลงมากถึง 14.07% จากปัญหาเรื่องพื้นที่ขนส่งในเรือไม่เพียงพอและล่าช้าจากสงครามอิสราเอลกับฮามาส และปัญหาสิ่งสกปรกในท่าเรือที่ติดในรถกระบะที่เตรียมขับขึ้นเรือ ขณะที่มีมูลค่าการส่งออก 82,901.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.71% จากเดือน ส.ค.66
“เดือนสิงหาคมเป็นอีกเดือนที่ยอดผลิต ยอดขาย และยอดส่งออก ลดลงทุกด้าน เห็นตัวเลขแล้วใจหาย ยอดลดลงต่ำกว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 สถานการณ์น้อง ๆ ช่วงต้มยำกุ้ง” นายสุรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 8 เดือนแรกปี 67 (ม.ค.-ส.ค.67) อยู่ที่ 688,583 คัน ลดลง 4.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีมูลค่าการส่งออก 650,082.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน ส.ค.67 อยู่ที่ 119,680 คัน ลดลง 20.56% จากเดือน ส.ค.66 เพราะผลิตเพื่อขายในประเทศและผลิตเพื่อส่งออกลดลง 40.49% และ 6.62% ตามลำดับจากการผลิตรถกระบะลดลง และลดลง 4.12% จากเดือนก.ค. 67
ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มียอดการผลิตรถยนต์รวมทั้งสิ้น 1,005,749 คัน ลดลง 17.69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดจำหน่ายในประเทศช่วงเดือน ส.ค.อยู่ที่ 45,190 คัน ลดลง 24.98% จากเดือน ส.ค.66 เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการให้สินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงโดยหนี้เสีย (NPL) รถยนต์ ณ ไตรมาสสองของปีนี้สูงถึง 254,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากไตรมาสสองปีที่แล้วและเศรษฐกิจในไตรมาสสองของปีนี้เติบโตในอัตราต่ำที่ 2.3%
นายสุรพงษ์ คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะดีขึ้นจากรัฐบาลใหม่ที่มีนโยบายหลายข้อที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เช่น การแจกเงิน 10,000บาทเป็นเงินสด การแก้ใขหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เป็นต้น รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ก็ทันใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ด้วย และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็เพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 0.50 และอาจจะลดอีกครั้งในปีนี้
โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 399,611 คัน ลดลง 23.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“มีลูกค้าเดินเข้าโชว์รูมตลอดแต่ไม่ผ่านอนุมัติสินเชื่อ…ช่วงไตรมาสที่ 3-4 เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเบิกจ่ายงบต่อเนื่อง” นายสุรพงษ์ กล่าว
คาดยอดจดทะเบียนรถ EV ปีนี้ต่ำเป้า
- ประเภท BEV เดือน ส.ค.67 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 8,804 คัน ลดลง 3% จากเดือน ส.ค.66 และช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 69,047 คัน เพิ่มขึ้น 17.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 200,109 คัน
- ประเภท HEV เดือน ส.ค.67 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 11,000 คัน เพิ่มขึ้น 54.80% จากเดือน ส.ค.66 และช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 94,794 คัน เพิ่มขึ้น 60.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 437,504 คัน
- ประเภท PHEV เดือน ส.ค.67 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 854 คัน ลดลง 32.70% จากเดือน ส.ค.66 และช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 6,576 คัน ลดลง 22.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 60,428 คัน
ทั้งนี้คาดว่ายอดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 7.6 หมื่นคัน ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1 แสนคัน โดยในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มการผลิตในประเทศนั้นยังไม่มีความพร้อมเต็มที่
“การผลิตรถอีวีในบ้านเรายังต้องรอความพร้อม โดยเฉพาะเรื่อง Supply Chain ทำให้ยังผลิตไม่ได้จำนวนตามเงื่อนไข ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่เพื่อขอขยายเวลาออกไป” นายสุรพงษ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 67)
Tags: ต้มยำกุ้ง, ตลาดรถยนต์, ยอดส่งออก, รถยนต์, ส.อ.ท., สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์