บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) หุ้นเพื่อนรักปลูกผักพันล้าน จับเทรนด์อาหารเฮลตี้ เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น เคาะขาย IPO หุ้นละ 6.70 บาท P/E 24.13 เท่า ใช้ขยายสาขา ออกแบรนด์ใหม่ และอัพกำลังผลิต 3 เท่าตัว เดินหน้าจดทะเบียนเพื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้นเดือนต.ค.นี้
OKJ ออกเดินทางจากถิ่นกำเนิดในเชียงใหม่ไปสู่ตลาดทั่วประเทศในฐานะผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” โดยเน้นการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) ปัจจุบันแบ่งธุรกิจเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1) ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” นับเป็นรายได้หลักราว 90% จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ มี 4 ช่องทางจำหน่ายหลัก คือ 1.1) Full-service Restaurant จำนวนรวม 30 สาขา 1.2) Delivery and Kiosk จำนวนรวม 4 สาขา 1.3) Cafe Amazon จำนวนกว่า 400 สาขา และ 1.4) Supermarket จำนวน 11 สาขา
2) ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” จำหน่ายสลัด แร๊พสลัด แซนวิช เบอร์เกอร์ และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go)
3) ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Oh! Juice” ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูน้ำผักออร์แกนิคและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเป็นเมนูผักผลไม้สุขภาพ
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล หรือ อู๋ หนึ่งใน 2 Founder สำคัญ “อู๋ กับ โจ้” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า เงินระดมทุนส่วนแรกใช้เพื่อขยายธุรกิจ ทั้งในส่วนของแบรนด์หลักอย่าง “โอ้กะจู๋” และส่วนของ New Business ก็คือแบรนด์ Ohkajhu Wrap & Roll และ Oh! Juice รวมถึงยังมีแบรนด์ใหม่ที่จะออกมาเพิ่มอีกในอนาคต
“เรามีอยู่ 4 Framework ที่ใช้เวลาคิดแบรนด์ใหม่ออกมา หนึ่งคือต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิมของเรา สองคือตลาดจะต้องใหญ่พอให้เราลงไป สามคือเราต้องสร้างความแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่แล้วในตลาดได้ และสี่เราต้องใช้ Resources จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วได้ ซึ่งตอนนี้เรามีแผนออกแบรนด์ใหม่ให้ได้ปีละ 1 แบรนด์”
นายชลากร กล่าว
ส่วนแผนขยายสาขาตั้งเป้าว่าภายในปี 71 จะมีร้านโอ้กะจู๋ทั้งหมด 67 สาขา ส่วนแบรนด์ที่เป็น New Business อื่น ๆ จะอยู่ที่ราว 90 สาขา ซึ่งที่ผ่านมาสาขาในกรุงเทพจะเน้นทำเล Community Mall หรือ Standalone แต่ปัจจุบันเราเพิ่งมีโอกาสเข้าไปในห้างสรรพสินค้า นับว่ายังมีโอกาสอีกมากตรงนี้ ขณะที่โซนต่างจังหวัด เราก็มีแผนจะขยายไปทางภาคอีสานในปีนี้ ส่วนปีหน้าก็จะมีไปทางภาคใต้เช่นกัน
สำหรับเงินระดมทุนส่วนที่สองใช้พัฒนาระบบฟาร์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ณ ปัจจุบันเราปลูกอยู่ 380 ไร่ ได้ผลผลิตอยู่ที่ 850,000 ตัน/ปี และตอนนี้เรามีเทคโนโลยีการปลูกแบบใหม่ที่ใช้อยู่ 30% ของการปลูกทั้งหมด ส่วนอีก 70% ยังเป็นแบบเดิม หากได้เงินจากการระดมทุนมา เราก็จะเปลี่ยนเป็นการปลูกระบบใหม่ 70% ปลูกแบบเดิม 30% ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะเพิ่มผลผลิตให้เราได้ 3 เท่าจากที่มีอยู่โดยใช้พื้นที่เท่าเดิม ซึ่งน่าจะเห็นภาพในช่วงกลางปีหน้า
“ธุรกิจต้องมีการเติบโตอยู่แล้ว เราก็อยากจะโตแบบ Quality Growth มีคุณภาพเป็นตัวนำ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เป็นแบบนั้นมาตลอด และอีก 5 ปีข้างหน้าเราก็อยากจะเป็น Top of Mind Brand … จริง ๆ ไม่ใช่อีก 5 ปี ภายในปีหน้า เราก็อยากจะเป็น Top of Mind Brand ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนของเราก็ตาม”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ กล่าว
*OKJ คือใคร ? (นาทีที่ 0.48 – 2.50)
*OKJ กับข้อได้เปรียบทางธุรกิจ (นาทีที่ 2.51 – 4.21)
*OKJ กับความเสี่ยงและการรับมือ (นาทีที่ 4.22 – 4.58)
*OKJ กับแผนระดมทุน (นาทีที่ 4.59 – 8.26)
*OKJ กับแผนธุรกิจ 3-5 ปี (นาทีที่ 8.27 – 9.49)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 67)
Tags: IPO, IPOInsight, OKJ, SCOOP, ปลูกผักเพราะรักแม่, หุ้นไทย