บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง เช่น GPSC, AAV, SAWAD และ TIDLOR เป็นต้น
เมื่อคืนนี้ ที่ประชุม US FOMC ลงมติลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate ลง 0.50% ซึ่งเป็นการลดที่แรงกว่า consensus ของนักเศรษฐศาสตร์ แต่สอดคล้อง Fed Fund Futures รวมทั้งความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรก่อนหน้านี้ และในช่วงของการแถลงประธานเฟดระบุว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มปรับทิศนโยบายของเฟด และ จากนี้ไปเฟดจะยังคงตัดสินนโยบายการเงินโดยอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก หส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งผันผวน แต่โดยรวมไม่มีความแตกตื่นจากการที่เฟดลดดอกเบี้ยแรง 0.50%
ประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเป็น soft-landing ในขณะที่ dot-plot ชี้ว่าดอกเบี้ยเฟดจะลงอีก 0.50% ในปี 67, 1.00% ในปี 68 และ 0.50% ในปี 69 โดยเฟดปรับเพิ่มประมาณการอัตราการว่างงาน (UR) ปี 67-69 ขึ้นอีก โดยคาดว่าปี 67 จะอยู่ที่ 4.4% (จากเดิม 4.0%) และ ในปี 68 จะอยู่ที่ 4.2% (จากเดิม 4.2%) แต่คาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ในช่วงปี 67-69 จะทรงตัวที่ปีละ 2%
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ประเมินจาก dot-plot กรรมการเฟดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้, 1.00% ในปี 68 และ 0.50% ในปี 69 ซึ่งจะทำให้วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงรอบนี้จบรอบที่ประมาณ 3% สอดคล้องกับมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ของเรา
สำหรับนัยต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทย เราคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 68 คาดว่าจะลดดอกเบี้ยรวม 1% ในปีหน้า ทั้งนี้เนื่องจาก GDP ของไทยมีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นใน H2/67 จากผลของฐานที่ต่ำและ จากมาตรการกระตุ้นการบริโภค เราไม่คิดว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
เรามองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากการตัดสินใจของเฟดเมื่อคืนนี้ โดยมองว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน พร้อมกับประมาณการเศรษฐกิจที่ให้แนวทาง soft-landing อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในเดือนต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะตลาดแรงงาน และ ความแข็งแกร่งของภาคบริการ ส่วนผลที่จะส่งผ่านมายังตลาดไทยจะผ่านมาทางการแข็งค่าของเงินบาท และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะลดลงอีก
เราชอบกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นบางตัวในกลุ่มขนส่ง อย่างเช่น GPSC และ AAV ส่วนธีมหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย เรายังคงชอบกลุ่มไฟแนนซ์ ซึ่งจะได้อานิสงส์จากทั้งต้นทุนการระดมทุนที่ถูกลง และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายแจกเงิน 1.45 แสนล้านบาทในสัปดาห์หน้า โดยเรามอง SAWAD และ TIDLOR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม
ขณะที่ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จับประเด็นเฟดลดดอกเบี้ย เรายังคงคำแนะนำเดิม โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย คือ MTC ส่วนอสังหาฯ ราคาตัวหลักๆ ขึ้นมาแรง ถ้าจะเก็บแนะนำ SPALI ขณะที่กอง REITs+Prop Fund ราคาหุ้นขึ้นมามาก (บางตัวเกิน NAV) น่าขายออกมากกว่า ส่วนหุ้นธนาคาร แม้จะถูกกระทบจากการลดดอกเบี้ย แต่ยังได้ผลบวกจากเศรษฐกิจ+เงินปันผล ควรหาจังหวะเก็บ SCB, KTB
ด้าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะหุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
และ บล.หยวนต้า มองหุ้น TIDLOR และ SAWAD ในกลุ่ม Finance ได้ประโยชน์โดยตรงเมื่อดอกเบี้ยเข้าสู่ทิศทางของการขยับลง เนื่องจากจะส่งผลบวกทั้งต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้เพิ่มขึ้น, ความสามารถในการระดมทุนดีขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และกำไรจะกลับเข้าสู่การฟื้นตัว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 67)
Tags: หุ้นไทย, อัตราดอกเบี้ย, โบรกเกอร์