รมว.คลัง ตั้งโมเดลกอง IFF 3 แสนลบ.หนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดชัดเจนภายในปีนี้

นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการจัดตั้งอินฟาสตรัคเจอร์ ฟันด์ (IFF) กองใหม่ โดยเบื้องต้นตั้งเป้าวงเงินไม่เกิน 3 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนแนวคิดของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้าทุกสาย 20 บาทตลอดสาย

ส่วนรายละเอียดทั้งหมดนั้น ต้องขอเวลาในการพิจารณา เพราะตัวเลขอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากยังเป็นแนวคิดในช่วงระยะเริ่มต้น การวางข้อสมมติฐาน และการประเมินงาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจำเป็นต้องมีการออกกฎหมายมารองรับการดำเนินการหรือไม่ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถมีข้อสรุปได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ แต่มั่นใจว่าจะเห็นความชัดเจนที่เป็นรูปเป็นร่างได้ภายในปีนี้แน่นอน

“เท่าที่คุยกับคมนาคม แน่นอนว่ารัฐบาลอยากเห็นประชาชนโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายในราคาเริ่มต้น 20 บาท หลังจากนั้น ค่อยขยับขึ้นทีละนิด เราก็เอาตรงนี้มาวาง เพื่อจัดตั้งอินฟาสตรัคเจอร์ ฟันด์ โดยที่รัฐบาลคงไม่ต้องควักเงิน แต่อาจจะมีข้อผูกพันว่ารัฐบาลจะต้องดูแลอะไรบ้าง แปลว่าทั้งหมดนี้ อินฟาสตรัคเจอร์ ฟันด์จะเข้ามาดูแลแทน

ดังนั้น กองทุนก็จะต้องรู้ตัวเองว่าจะต้องได้ผลตอบแทนจากการดูแลเท่าไร ต้องไปหาผู้ที่สนใจว่าเป็นใคร ซึ่งก็น่าจะมี 2 กลุ่ม คือผู้ถือหน่วยลงทุน และผู้ที่ให้กู้ยืม ซึ่ง 2 ส่วนมีความต้องการผลตอบแทนไม่เท่ากัน ก็ต้องมาศึกษากัน ต้องประเมินภาพผู้โดยสารในระยะ 1-2-5 ปี จนถึง 10 ปีว่ามีเท่าไร หรืออยากจะให้อยู่ยาว ๆ ถึง 20-30 ปีจะเป็นอย่างไร หลังจากนั้นต้องมาประเมินว่า เราต้องการใช้เงินเท่าไรจากกองทุนฯ ตรงนี้เป็นวิธีปฏิบัติโดยทั่วไป” นายพิชัย กล่าว

พร้อมระบุว่า กระทรวงการคลัง พยายามจะไม่ให้รัฐบาลต้องมาใส่เงินอุดหนุนการดำเนินนโยบายดังกล่าว เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้การจัดเก็บภาษียังทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ดังนั้นจำเป็นต้องพยายามรักษาวินัยการเงินการคลัง และพยายามใช้สมบัติเก่าที่มีอยู่ ดึงสิ่งเหล่านี้กลับมาบริหาร เพื่อลดการเข้าไปช่วยอุ้มของรัฐบาลให้มากที่สุด

รองนายกฯ และรมว.คลัง ยังกล่าวถึงการเปิดจองซื้อหน่วยลงทุนประเภท ก. ในกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นวันแรกสำหรับนักลงทุนรายย่อยว่า เชื่อว่ายอดจองจะมีเข้ามาอย่างล้นหลาม หากความต้องการจองซื้อมีมากก็ต้องมาดูว่าจะจัดสรรอย่างไร แต่ยืนยันว่าจะเน้นขายให้กับรายย่อยก่อน ส่วนแนวทางการลงทุนของกองทุนฯ นั้น ต้องปล่อยให้เป็นอิสระของกองทุนฯ ให้ทำไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

“หากความต้องการโอเวอร์ซัพพลาย ตามหลักปฏิบัติ ก็ต้องมาดูว่าควรจะลดส่วนไหน เท่าไร โดยต้องเป็นการลดในสัดส่วนที่อธิบายได้ แต่ยืนยันว่าจะเน้นให้กับรายย่อยเข้าถึงก่อน ส่วนแนวทางการลงทุนของกองทุนฯ คงไม่ได้เข้าไปดู ปล่อยให้เป็นอิสระของกองทุนฯ ทำไปตามเงื่อนไข” นายพิชัย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top