หุ้น STGT พุ่ง 26.73% มาอยู่ที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 612.49 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.25 น. โดยเปิดตลาดที่ 10.60 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 12.90 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.50 บาท
และ หุ้นแม่ STA ดีดขึ้น 9.95% มาอยู่ที่ 23.20 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 993.06 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.25 น. โดยเปิดตลาดที่ 21.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 21.30 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองเชิงบวกต่อ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) และ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) หลังมีข่าวสหรัฐขึ้นภาษีถุงมือทางการแพทย์นำเข้าจากจีนเป็น 50% ในปี 68 และ 100% ในปี 69 จากปัจจุบันที่ 7.5% โดยที่จีน คือ คู่แข่งสำคัญของไทยและมาเลเซีย จากตัวเลขการนำเข้าของสหรัฐในพิกัด 4015 ซึ่งถุงมือที่ใช้ทางการแพทย์อยู่ในรายการนี้ พบว่าปี 66 สหรัฐนำเข้าจากมาเลเซียมากสุดที่ 955 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 47% รองมาคือ ไทย 28% และจีน 22%
การขึ้นภาษีครั้งนี้จะทำให้ราคานำเข้าถุงมือยางจากจีนในสหรัฐปรับขึ้นสูงมากจากปัจจุบันที่ 6-17 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1,000 ชิ้น ถ้าขึ้น 50% จะเป็น 24-26 ดอลาร์สหรัฐ และถ้าเป็น 100% จะขึ้นเป็น 32-34 ดอลลาร์สหรัฐ
แนะนำ “เก็งกำไร” STGT จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากสุดของไทย และ STA จะได้ประโยชนลำดับถัดมา จากการรับรู้กำไรที่สูงขึ้นจาก STGT และเชื่อว่าตลาดถุงมือยางไนไตรล์ (ซึ่งเป็นตลาดหลักของจีน) จะดุเดือดมากขึ้น หากจีนส่งออกไปสหรัฐได้น้อยลง น่าจะหันไปทำตลาดอื่นมากขึ้นแทน ต้องติดตามการแข่งขันด้านราคาขายในตลาดอื่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม STGT มีรายได้หลักเป็นถุงมือยางธรรมชาติ 75% และถุงมือยางไนไตรล์ (NBR) 25%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 67)
Tags: STGT, ศรีตรังโกลฟส์