เลือกตั้งสหรัฐฯ: FBI สอบสวนหลังชาวเฮติในม.วิตเทนเบิร์กถูกขู่ทำร้าย โยงปมทรัมป์กล่าวหา “กินหมา-แมว”

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ว่า กำลังเร่งตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคำขู่ทำร้ายชาวเฮติในมหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์ก โดยภัยคุกคามดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน.จากพรรครีพับลิกัน กล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่าผู้อพยพชาวเฮติในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ มีพฤติกรรมกินสุนัขและแมว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำขู่จะกราดยิงผู้อพยพชาวเฮติ ส่งผลให้มหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์ก ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ ต้องสั่งปิดวิทยาเขตเป็นเวลา 1 วัน

อย่างไรก็ตาม การขู่ทำร้ายดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว โดยเมื่อคืนวันเสาร์ (14 ก.ย.) มหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์กได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมทั้งหมดในวันอาทิตย์ หลังได้รับอีเมลข่มขู่ พร้อมกันนี้ ยังได้แจ้งเตือนนักศึกษา คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความระมัดระวังภายในวิทยาเขต

ด้านสำนักงาน FBI สาขาเมืองซินซินนาติ ออกแถลงการณ์ว่า “FBI กำลังทำงานร่วมกับตำรวจสปริงฟิลด์และมหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์ก เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของคำขู่ล่าสุด พร้อมแชร์ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และดำเนินการสืบสวนตามที่เห็นสมควร”

ชาวเฮติในเมืองกล่าวว่าตอนนี้พวกเขากลัวเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง

ขณะเดียวกัน คาเรน เกอร์บอธ โฆษกของมหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์ก เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทางมหาวิทยาลัยได้รับคำขู่ครั้งที่สอง “แต่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในวิทยาเขต”

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์กยังระบุด้วยว่า มีอย่างน้อย 1 วิทยาเขตในพื้นที่ที่ได้รับคำขู่ในลักษณะเดียวกัน โดยวิทยาลัยคลาร์กสเตทได้โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า ได้ยกเลิกการเรียนการสอนในอาคารเรียนแห่งหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ (12-13 ก.ย.) “เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย” ภายในเมือง

ทางด้านจ่าแอตกินส์จากกองตำรวจสปริงฟิลด์ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า จนถึงเช้าวันอาทิตย์ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นในบริเวณมหาวิทยาลัย

ในส่วนของเจดี แวนซ์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองปธน.ของทรัมป์ ได้ออกมาแก้ต่างผ่านรายการโทรทัศน์หลายรายการในวันอาทิตย์ โดยอ้างว่า ข้อกล่าวหาเรื่องผู้อพยพชาวเฮติกินสุนัขและแมวไม่ได้เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งหมด และช่วยให้สังคมหันมาสนใจปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปกติสื่อมักไม่ให้ความสำคัญ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top