หน่วยงานกำกับดูแลพลังงานนอกชายฝั่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เกือบ 1 ใน 5 ของการผลิตน้ำมันดิบ และ 28% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติในน่านน้ำอ่าวเม็กซิโกยังคงหยุดชะงัก อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine)
ข้อมูลจากสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (BSEE) ระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 ก.ย.) ผู้ผลิตพลังงานระงับการผลิตน้ำมันกว่า 338,690 บาร์เรลต่อวัน และการผลิตก๊าซธรรมชาติเกือบ 515 ล้านลูกบาศก์ฟุตในอ่าวเม็กซิโก ขณะที่ยังคงมีแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ 37 แท่นถูกระงับการผลิต คิดเป็นประมาณ 10% ในอ่าวเม็กซิโก ลดลงจาก 171 แท่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตามการคำนวณของสำนักข่าวรอยเตอร์จากการประมาณการรายวันของ BSEE คาดว่า ยอดรวมน้ำมันดิบที่หดหายไปอันเนื่องมาจากพายุเฮอริเคนฟรานซีนอยู่ที่ 2.16 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 4.635 พันล้านลูกบาศก์ฟุต
ทั้งนี้ เฮอร์ริเคนฟรานซีนเคลื่อนผ่านพื้นที่ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สำคัญนอกชายฝั่ง และพัดถล่มรัฐลุยเซียนาเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) ด้วยความรุนแรงระดับ 2 ส่งผลให้ต้นไม้หักโค่น น้ำท่วมพื้นที่ชายฝั่ง และไฟฟ้าดับใน 4 รัฐทางตอนใต้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 67)
Tags: กฎหมายสิ่งแวดล้อม, ก๊าซธรรมชาติ, น้ำมันดิบ, พายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน, สหรัฐ, เม็กซิโก