สื่อท้องถิ่นรายงานเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) ว่า อัลแบร์โต ฟูจิโมริ อดีตประธานาธิบดีเปรู ผู้นำเชื้อสายญี่ปุ่นคนแรกของลาตินอเมริกา และบุคคลผู้จุดประกายทั้งเสียงชื่นชมและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในวัย 86 ปี
รายงานจากสื่อหลายสำนักระบุว่า อดีตผู้นำเปรูเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในกรุงลิมา โดยในช่วงหลายปีหลัง ฟูจิโมริเผชิญกับปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะโรคหัวใจ และต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานในวันนี้ (12 ก.ย.) ว่า ฟูจิโมริดำรงตำแหน่งปธน.เปรูระหว่างปี 2533-2543 ในช่วงแรกเขาได้รับการยกย่องจากการนำพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและยุติความรุนแรงทางการเมือง ทว่าเส้นทางอำนาจของเขากลับจบลงอย่างน่าอัปยศ ฟูจิโมริต้องหลบหนีออกนอกประเทศ เผชิญข้อกล่าวหาคอร์รัปชัน และถูกตัดสินจำคุกยาวนานกว่าทศวรรษในความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน
ฟูจิโมริเป็นบุตรชายผู้อพยพชาวญี่ปุ่น จบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมเกษตร เส้นทางสู่ทำเนียบปธน.ของเขาสร้างความประหลาดใจ เมื่อสามารถเอาชนะ มาริโอ บาร์กัส โยซา นักเขียนนวนิยายชื่อดัง ในการเลือกตั้งปี 2533 โดยในขณะนั้น ฟูจิโมริถูกมองว่าเป็นตัวแทนของประชาชนผู้ยากไร้
นโยบายเศรษฐกิจแบบ “ฟูจิช็อก” ของฟูจิโมริ แม้จะสร้างความแตกแยกในสังคม แต่ก็ประสบความสำเร็จในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงกว่า 1,000% และนำพาเศรษฐกิจเปรูกลับสู่เส้นทางฟื้นตัว นอกจากนี้ เขายังเดินหน้าปราบปรามกลุ่มกบฏฝ่ายซ้าย รวมถึงจับกุมแกนนำกลุ่มกองโจรเซนเดโรลูมิโนโซ (Shining Path)
อย่างไรก็ตาม มาตรการความมั่นคงที่เข้มงวดของฟูจิโมรินำมาซึ่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขณะเดียวกัน เขายังใช้อำนาจเผด็จการเพื่อสืบทอดอำนาจ อย่างเช่นการก่อ “รัฐประหารตัวเอง” ในปี 2535 ซึ่งเป็นการบั่นทอนระบอบประชาธิปไตย
ฟูจิโมริได้รับความดีความชอบจากปฏิบัติการทางทหารในปี 2540 ที่ช่วยเหลือตัวประกัน 71 คน ซึ่งถูกกลุ่มกบฏทูปัก อามารู (Tupac Amaru Revolutionary Movement) จับตัวไว้ที่บ้านพักเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในกรุงลิมา นานถึง 127 วัน
จุดจบทางการเมืองของฟูจิโมริมาถึงในปี 2543 เมื่อเขาต้องหลบหนีไปยังญี่ปุ่น หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชัน และถูกสภาปลดออกจากตำแหน่งปธน.สมัยที่สาม ในฐานะพลเมือง 2 สัญชาติคือเปรูและญี่ปุ่น เขาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นอันเป็นบ้านบรรพบุรุษของเขา ซึ่งปฏิเสธคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากเปรู จนกระทั่งเขาถูกจับกุมตัวที่ชิลีในปี 2548 และถูกส่งตัวกลับเปรูในที่สุด
ศาลเปรูตัดสินจำคุกฟูจิโมริเป็นเวลา 25 ปี ในปี 2553 ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการสังหารพลเรือน แต่เขาได้รับการอภัยโทษในปี 2560 เนื่องจากเหตุผลทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาเพิกถอนคำสั่งอภัยโทษในปี 2561 หลังจากครอบครัวเหยื่อออกมาประณามคำตัดสินดังกล่าว ทำให้เขาต้องกลับเข้าเรือนจำชานกรุงลิมาอีกครั้งในปี 2562 จนกระทั่งได้รับการอภัยโทษอีกครั้งในเดือนมี.ค 2565
ทั้งนี้ ฟูจิโมริเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2481 ที่กรุงลิมา เป็นบุตรชายผู้อพยพจากจังหวัดคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น เขาได้สร้าง “ราชวงศ์ทางการเมือง” โดยมีทั้งเคโกะ บุตรสาว และเคนจิ บุตรชาย ที่เดินตามรอยเท้าเข้าสู่เส้นทางการเมือง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 67)
Tags: อดีตประธานาธิบดี, อสัญกรรม, อัลแบร์โต ฟูจิโมริ, เปรู