นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดเผยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ.2567-2571 จะมุ่งเน้นระบบดิจิทัล (Digital and Green Grid) เพื่อรองรับการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เช่น การสนับสนุนการติดตั้ง Solar, Solar Rooftop และ Solar Floating รวมถึงการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น
กฟภ. วางงบลงทุนรวม 5 ปี ไว้ราว 1.5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 3 หมื่นล้านบาทต่อปี เพื่อรองรับการพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความมั่นคง เช่น การเปลี่ยนสายไฟฟ้า, การปรับปรุงสถานีไฟฟ้า ให้เป็นระบบควบคุม SCADA, การเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้า เป็น IOT ในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนมิเตอร์ไปเป็นมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (AMI Meter)
นอกจากนี้จะมีการลงทุนในส่วนของ Battery Storage เพื่อพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน และเดินหน้าลงทุนสถานีชาร์จ EV อย่างต่อเนื่อง โดยจากปัจจุบันได้มีการติดตั้งสถานีชาร์จ EV ทั่วทุกภูมิภาคของไทยแล้ว และอยู่ระหว่างก่อสร้างสถานีชาร์จ EV ขนาดใหญ่แห่งแรกเปรียบเสมือนเป็น EV Hub ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่ง กฟภ.ก็มีแผนจะก่อสร้างสถานีชาร์จ EV Hub ในทุกภาคของประเทศไทยในระยะต่อไป
สำหรับการเตรียมความพร้อม ตลาดไฟฟ้าเสรี กฟภ. ได้มีการสร้างความเข้าใจกับผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้รับทราบถึงวิวัฒนาการการซื้อขายไฟฟ้าที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ซึ่งจะมีผู้เล่นนอกเหนือจากผู้เล่นรายใหญ่ 2 ราย คือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ กฟภ. เข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน กฟภ.ยังได้จัดตั้งหน่วยงานที่จะเข้ามาดูแลการซื้อขายไฟฟ้า หรือตลาดไฟฟ้า เพื่อให้มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เช่น การบริหารจัดการแพลตฟอร์มการจำหน่ายไฟฟ้า (Retail), แพลตฟอร์มระบบตลาดขายส่งไฟฟ้า (Wholesale Market) และแพลตฟอร์มซื้อ-ขายไฟฟ้า (Trading) เป็นต้น โดยบทบาทของ กฟภ. จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด ยังต้องรอติดตามนโยบายจากทางภาครัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 67)
Tags: PEA, กฟภ., ศุภชัย เอกอุ่น