สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ว่า ความสูญเสียจากการฉ้อโกงและการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้น 45% ในปี 2566 จากปี 2565 รวมเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมิจฉาชีพใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นจากความเร็ว และการที่ไม่สามารถยกเลิกหรือย้อนกลับการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สกุลเงินคริปโทอย่างบิตคอยน์และอีเธอร์ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และกองทุน ETF ที่ลงทุนในบิตคอยน์และอีเธอร์ได้เข้าซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตของ FBI ระบุในรายงานฉบับใหม่ว่า การขยายตัวดังกล่าวได้ส่งผลให้อาชญากรใช้สกุลเงินคริปโทฯ มากขึ้น
FBI ระบุว่า แม้ธุรกรรมคริปโทฯ จะถูกบันทึกบนบล็อกเชนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถติดตามเส้นทางของเงินได้ง่าย แต่บ่อยครั้งที่เงินถูกโอนไปยังต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อาจเผชิญอุปสรรค เช่น กฎหมายป้องกันการฟอกเงินที่ไม่เข้มงวดในบางประเทศ
รายงานระบุว่า ในปีที่แล้ว ความสูญเสียจากการหลอกลวงการลงทุนนั้นคิดเป็น 71% ของความเสียหายที่เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโทฯ ขณะที่การหลอกลวงผ่านศูนย์บริการทางโทรศัพท์หรือคอลเซ็นเตอร์ และการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลนั้นคิดเป็น 10% ของความเสียหาย
ทั้งนี้ FBI ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโทฯ มากที่สุดจากผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้มีมูลค่ารวมมากกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
FBI ระบุว่า “เนื่องจากสกุลเงินคริปโทฯ ไม่ต้องอาศัยคนกลางทางการเงินในการตรวจสอบและดำเนินการทำธุรกรรม อาชญากรจึงสามารถใช้คุณสมบัติเหล่านี้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การโจรกรรม การฉ้อโกง และการฟอกเงิน”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 67)
Tags: Cryptocurrency, FBI, คริปโทเคอร์เรนซี, ดอลลาร์สหรัฐ, ธุรกรรมการเงิน, มิจฉาชีพ, สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ, สินทรัพย์ดิจิทัล