นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า การลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะยิ่งเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีหากลงทุนในธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ทำให้ล่าสุด บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ AI & Big Data เพื่อการเลี้ยงชีพ (TAIRMF-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ลงทุนใน Xtrackers Artificial Intelligence & Big Data UCITS ETF ชนิดหน่วยลงทุน 1C (กองทุนหลัก) ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) และความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 9-24 กันยายน 2567
สำหรับจุดเด่นของกองทุน TAIRMF-A คือ กองทุนหลักกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยไม่กระจุกตัวเกินไป เพราะมีเกณฑ์ในการจำกัดน้ำหนักสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม อีกทั้งมีกลยุทธ์การปรับน้ำหนักการลงทุนทุก 6 เดือน และผู้จัดการกองทุนจะเน้นหุ้นขนาดใหญ่อยู่ในประเทศสหรัฐฯ เพราะค่อนข้างเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาระดับหนึ่งแล้ว เช่น 1. Apple 2. Bank of America 3. Meta 4.NVIDIA และ 5.Samsung Electronics เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปัจจุบันราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ราคาอยู่ในระดับที่ไม่แพงจนเกินไป ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก ณ วันที่ 4 กันยายน พบ ว่าดัชนี NYGBIG ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นกลุ่ม AI มีค่า P/E อยู่ที่ 18.9 เท่า น้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่อยู่ในระดับ 19.42 เท่า
“นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามาขับเคลื่อนภาคธุรกิจต่างๆ ของโลก เช่น อุตสาหกรรมการเงิน การเกษตร การคิดค้นนวัตกรรมยา ธุรกิจบริการลูกค้า กฎหมาย โซเชียลมีเดีย เป็นต้น โดย ข้อมูลจาก GlobalX คาดว่าภายในปี 2573 ภาคธุรกิจจะลงทุน AI มูลค่ามากถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยประมาณ 69% ของเม็ดเงินทั้งหมดจะเข้าไปลงทุนใน Software และที่เหลือจะลงทุนใน Hardware ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจ AI จะกลายมาเป็นเบื้องหลังของการขับเคลื่อนธุรกิจต่างๆ แห่งโลกในอนาคต และเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงตามความต้องการของภาคธุรกิจ และผู้บริโภค”
นายสาห์รัช กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 67)
Tags: RMF, กองทุนรวม, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิดใหม่, บลจ.ทิสโก้, สาห์รัช ชัฏสุวรรณ