หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนตัวตามตปท. กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย-ราคาน้ำมันทำนิวโลว์

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ระวังผันผวนจาก Sentiment ตลาดต่างประเทศไม่ดี หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลง โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค.ออกมาต่ำกว่าคาด และกระทรวงแรงงานยังได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.ลงจากรายงานเดิม ทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเพียงใด และยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

ส่วนในประเทศวันนี้ ติดตามการแถลงรายละเอียดกองทุนวายุภักษ์ 1 มองราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว อาจเห็นการ sell on fact ขณะที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงสู่ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลทำระดับต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่เดือน เม.ย.66 อาจส่งผลกดดันต่อกลุ่มหุ้นพลังงานวันนี้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อ SET EPS ถูกปรับลงจากคาดการณ์เดิม

ให้แนวรับไว้ที่ 1,410-1,400 จุด และ แนวต้าน 1,435 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (6 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,345.41 จุด ลดลง 410.34 จุด หรือ -1.01%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,408.42 จุด ลดลง 94.99 จุด หรือ -1.73% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,690.83 จุด ลดลง 436.83 จุด หรือ -2.55%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 35,805.82 จุด ลดลง 585.65 จุด หรือ -1.6%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 2,754.72 จุด ลดลง 11.09 จุด หรือ -0.40% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 17,261.89 จุด ลดลง 182.41 จุด หรือ -1.04%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.ย.67) 1,427.64 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด (+1.66%) มูลค่าซื้อขายราว 107,436.04 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,706.95 7,571.13 ล้านบาท (6 ก.ย.67)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(6 ก.ย.) ลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2566

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.ย.67) อยู่ที่ 1.42 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.70 แนวโน้มอ่อนค่า คาดกรอบวันนี้ 33.65-33.85

– ภาคเอกชนพอใจเห็นความพร้อมทีมเศรษฐกิจ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประธานสมาคมธนาคารไทย เชื่อรัฐบาลมีเอกภาพเร่งขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจได้ โดยมีความหวังที่เป็นบวกมากขึ้น หอการค้าหนุนเร่งออกดิจิทัลวอลเลตให้ได้ก่อน เพื่อช่วยกลุ่มเปราะบาง-ผู้พิการ ด้านประธานเอสซีบี หวังกระตุ้นทั้งระยะสั้น-ยาว และใช้งบฯ ค้างท่อปี 2567 เร็วที่สุด ส่วนบิ๊กมาม่า มองตั้ง ครม.เร็วสานต่อนโยบายเดิมได้ดี สภาอุตฯ เชื่อมั่นรัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ หวังดันไทยเป็นฮับรถยนต์สันดาป

– รัฐบาล “แพทองธาร” เร่งสร้าง เครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ ดันไทยพ้นกับดัก รายได้ปานกลางเร็วที่สุด ต่อยอด “อีวี-เซมิคอนดักเตอร์” ดันไทยศูนย์กลางการเงินโลก สร้างอุตฯสีเขียว เร่งเมกะโปรเจกต์คมนาคม คุมจัดสรรคลื่นความถี่วงโคจรดาวเทียมดันเศรษฐกิจ ชี้ไม่ทำอะไรจีดีพีจะโตต่ำกว่า 3%

– รัฐบาลเดินหน้า 3 เมกะโปรเจกต์ “ถมทะเลอ่าวไทย-แลนด์บริดจ์-กาสิโน” ลงทุนอย่างน้อย 1.5 ล้านล้าน จ่อลงทุนโครงการใหญ่ป้องกันน้ำท่วม กทม.ถมทะเล 9 เกาะ สร้างเขื่อนกันน้ำทะเลเชื่อม 100 กม. ปิดพื้นที่อ่าวรูปตัว ก.ให้สัมปทานเอกชน ที่ลงทุนบริหาร 99 ปี “สุริยะ” เร่งแลนด์บริดจ์ 2 ฝั่งระนอง-ชุมพร “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” เงื่อนไขลงทุนกทม.ระดับแสนล้าน

– ตั้งโต๊ะแถลงใหญ่ “กองทุนวายุภักษ์” วันนี้เคาะแล้วผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% และสูงสุด 9% ต่อปี พร้อมกลไกคุ้มครองเงินต้นแต่ไม่รับประกัน ประเดิมกองทุนมีกำไรสะสมตุนไว้แล้ว 142,738 ล้านบาท เน้นนโยบายลงทุนเชิงรุกในหุ้นที่มีสภาพคล่องทั้งในและต่างประเทศ พุ่งเป้า SET100 และนอก SET100 ที่มี ESG Ratings สูงระดับ AA ขึ้นไป ล่าสุด “โกลด์แมน แซคส์” อัพเป้าดัชนีหุ้นไทย 1,550 จุด ปักหมุด 24 หุ้น ESG เด่นแนวโน้มเติบโตสูง จับตา 14 หุ้นเด่น ขานรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” ที่มุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

หุ้นเด่นวันนี้

– AWC (เมย์แบงก์) “ซื้อ” เป้าหมาย 4.20 บาท คาดอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีของกำไรหลักในปีงบ 2567-70 ที่ 21% CAGR ซึ่งคาดจะสูงที่สุดในภาคธุรกิจโรงแรม ปัจจัยหนุนการเติบโตจากจำนวนห้องพักโรงแรมในปี 75 ที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี66 นอกจากนี้ AWC เป็นเจ้าของสินทรัพย์แบบกรรมสิทธิ์ มีรายได้จากกลุ่ม MICE สูงกว่า และมีการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากแผนการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรในแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่และพัทยา คาดว่าจะทำให้ RevPAR ของ AWCเพิ่มขึ้นเมื่อโครงการบันเทิงขนาดใหญ่เหล่านี้เสร็จสิ้น

– CPALL (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 79.20 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่องหลังจากแนวโน้มของ SSSG ยังคงเป็นบวกอย่างต่อเนื่องทั้งใน เดือน ส.ค.ที่คาดว่าจะรายงาน SSSG +2.5% QTD นอกจากนี้ ยังคงได้ประโยชน์ในช่วงของ High season ในไตรมาสที่ 4 จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศมากขึ้น พร้อมกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตรากำไรขั้นต้น และยังซื้อขายในระดับต่ำกว่า PE ค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาอีกด้วย

– GPSC (อินโนเวสท์ เอกซ์) ปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield และราคาก๊าซปรับตัวลง ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 4.58 พันลบ. เติบโต 33.8%YoY และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16.3%YoY ในปี 2568 นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังมีกำลังการผลิตติดตั้งที่สูงขึ้นในอินเดียและไต้หวัน รวมถึงโอกาสเติบใตในประเทศจากการเปิดรับซื้อ RE เฟส 2 แนะนำราคาเข้าซื้อไม่เกิน 45.75 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top