บล.เอเซีย พลัส มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือนก.ย.67 ไว้ที่ 1,300-1,400 จุด หลังเริ่มเห็นหลายปัจจัยช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ทั้งถนนการเมืองไทยที่ขรุขระเริ่มราบเรียบขึ้น พร้อมกับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อแบบไม่มีสูญญากาศ หนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตแรงจากฐานต่ำ พร้อมกับมี Digital Wallet ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนประเมินมีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยวางเป้าหมาย SET ปี 67 อยู่ที่ 1,450 จุด และหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยทุกๆ 1 ครั้ง มีโอกาสยกเป้าหมายดัชนีให้สูงขึ้นไปได้ทีละ 60 จุด
และในเดือน ก.ย. จะเริ่มนโยบายการเงินโลกผ่อนคลายแบบเต็มสูบ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง และน่าจะลด 0.75-1% ในช่วงเวลาที่เหลือของปีมาอยู่ที่ราว 4.5-4.75% หนุนให้ค่าเงินเอเชียและบาทแข็งค่าขึ้น และเม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามช่วงต้นเดือน คือ ตัวเลขภาคตลาดแรงงาน ณ 6 ก.ย. ถ้าอัตราการว่างงานในเดือน ส.ค.67 ออกมาตามตลาดคาด 4.2% จะทำให้ตัวชี้นำ Recession อย่าง SAHM RULE ช่วง Mini Black Monday 0.53% เพิ่มขึ้นเป็น 0.57% ได้ รวมถึงรอติดตามการดีเบตของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ใน 10 ก.ย.นี้
ด้านในประเทศ ถนนการเมืองไทยเริ่มราบเรียบขึ้น พร้อมกับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อแบบไม่มีสูญญากาศ โดยงบประมาณปี 67 และ 68 ไม่สะดุด หนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตแรงจากฐานต่ำคาด GDP 2H67 เติบโต 3.5% (GDP 1H67 +1.9%) พร้อมกับมี Digital Wallet ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงสำคัญ คือ สถานการณ์น้ำท่วม แต่ล่าสุดเห็นว่าจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนปี 54 เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนและปริมาณน้ำฝนยังน้อยกว่าปี 54 มาก
ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน H1/67 อยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท เติบโต 3.9%YOY, กำไรช่วง H2/67 ประเมินมีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 27%YOY และจากฐาน H2/66 ที่ต่ำ 4.6 แสนล้านบาท
Fund Flow เป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะเป็น Momentum ไหลเข้าต่อเนื่อง ทั้งจากสถาบันในประเทศที่มีแรงเสริมจากกองทุน TESG ใหม่ และกองทุนวายุภักษ์ใหม่ และนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยซื้อหุ้นไทยต่อจากโอกาสเกิด Recession ลดลง, การฟื้นตัว เศรษฐกิจชัดขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าจากส่วนต่าง ดอกเบี้ยสหรัฐและไทยค่อยๆ แคบลง หนุนให้นักลงทุนต่างชาติได้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม
ในมุม Valuation ตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะล่าสุด มี MEYG (Market Earning Yield Gap) 4.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.9% และสูงกว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มี MEYG 0.7% และฟิลิปินส์ 2.1% เท่านั้น และในมุม Upside ฝ่ายวิจัยฯ วางเป้าหมายดัชนีปี 67 อยู่ที่ 1,450 จุด และหากกนง.ลด ดอกเบี้ยทุกๆ 1 ครั้ง มีโอกาสยกเป้าหมายดัชนีให้สูงขึ้นไปได้ทีละ 60 จุด
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานที่แนวโน้ม กำไรไตรมาส 3/67 เด่น CKP, PR9 และหุ้นใหญ่เป้าหมาย FUND FLOW อย่าง AOT, CPALL, INTUCH, MTC
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 67)
Tags: SET Index, ตลาดหุ้น, เอเซีย พลัส