บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) เปิดตำนานอาณาจักรยักษ์ใหญ่ปาล์มเบอร์ 1 ของสุราษฎร์ธานี เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 750 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.08-2.28 บาท ใช้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต พร้อมเดินหน้าจดทะเบียนเพื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนก.ย.
PCE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมด้วยระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยมีประสบการณ์ในวงการมากว่า 40 ปี ธุรกิจหลักแบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่
1) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค รวมถึงรับซื้อ น้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องมาจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า
2) กลุ่มธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ
3) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ
4) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCE กล่าวกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ปาล์มคือพืชมหัศจรรย์ เปรียบเสมือนทองคำ ปลูกแล้วมีแต่จะเพิ่มมูลค่า สามารถเก็บเกี่ยวต่อเนื่องได้นานถึง 20-25 ปี หรือสูงสุดอาจยาวนานถึง 30 ปี ให้ผลตอบแทนกับเกษตรกรสูงกว่าสินค้าเกษตรอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา หรือข้าว เรียกได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ PCE กล่าวว่า เงินระดมทุนส่วนแรก PCE จะใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เน้นการลงทุนในส่วนของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบ
ส่วนที่สองใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งานเพื่อปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเงินระดมทุนส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ
PCE วางแผน 3-5 ปีจากการประเมินว่าสินค้าปาล์มน้ำมันยังสามารถต่อยอดไปได้อีกไกล เพราะปาล์มอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง ของกินของใช้ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของปาล์มซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ทั่วไปอย่าง สบู่, แชมพู, ยาสีฟัน, ของกิน อย่าง มาม่า ช็อคโกแลต หรือไปจนถึงพลังงาน จะเห็นได้ว่าปาล์มตอบโจทย์ในทุกเซ็คเตอร์
ขณะเดียวกัน ด้วยจุดแข็งที่เป็นความได้เปรียบผู้ผลิตน้ำมันปาล์มเจ้าอื่น โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ บริษัทพร้อมมองหาโอกาสใหม่ในตลาดต่างประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากลูกค้าหลักที่มีในปัจจุบันอย่าง จีน อินเดีย และยุโรป เพื่อจะนำสินค้าของเราไปขายและสร้างรายได้ให้มากขึ้น
และในมิติด้านกำไร PCE ยังมีแผนผลักดันให้มาร์จิ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยการเน้นสินค้าที่เป็น High Margin Products เพื่อสร้างกำไรที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
“บริษัทมีจุดเด่นคือเรื่องโลจิสติกส์ที่ครบวงจรที่สุดในด้านปาล์มน้ำมัน ทำให้เรามีความแข็งแกร่งเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน ถ้าเป็นโรงสกัดอื่นเขาจะมีแค่โรงสกัด อาจจะไม่มีโลจิสติกส์ การควบคุมต้นทุนเขาก็จะไม่ดีเท่าเรา” นายพรพิพัฒน์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 67)
