คมนาคม จ่อชงครม.ใหม่ต่ออายุค่ารถไฟฟ้า 20 บาท เร่งคลอดพ.ร.บ.ตั๋วร่วม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยถึงนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท หรือ 20 บาทตลอดสาย โดยยืนยันว่า จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ต่ออายุมาตรการที่จะครบในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 อีกทั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. สอดคล้องกับแผนที่กำหนดไว้ว่า ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะสามารถใช้ได้ในทุกเส้นทาง ทุกสี ภายในเดือนกันยายน 2568 อย่างแน่นอน เพื่อลดภาระค่าครองชีพในการเดินทางให้กับประชาชน

ตามที่ได้เปิดใช้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายใน 2 โครงการ ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ปริมาณผู้โดยสารยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้โดยสารประจำเดือนกรกฎาคม 2567 พบว่า มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง รวม 2,166,099 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่มีผู้ใช้งานจำนวน 2,014,473 ราย ขณะที่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง มีผู้ใช้บริการรวม 982,825 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่มีผู้ใช้บริการ 899,389 ราย

ศึกษาแนวคิดซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า ยันไม่กระทบคู่สัญญา

ส่วนแนวคิดการซื้อสัมปทานการบริหารโครงการรถไฟฟ้าจากภาคเอกชนคืนกลับมาเป็นของรัฐบาลนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างการเตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบถึงแนวคิดดังกล่าวในทุกมิติ พร้อมทั้งพิจารณาข้อดี-ข้อเสีย และคำนวณรายได้และค่าใช้จ่าย ทั้งต่อวัน, ต่อเดือน และต่อปี

ซึ่งเป้าหมายของการซื้อคืนโครงการรถไฟฟ้านั้น เพื่อให้ประชาชนจะได้รับบริการรถไฟฟ้าในราคาที่ถูกลง และลดค่าครองชีพด้านการเดินทางให้กับประชาชน พร้อมทั้งต้องการผลักดันให้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยยืนยันว่า จะไม่กระทบกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญาอยู่ในปัจจุบัน และได้รับรายได้กลับไปอย่างเหมาะสม

“การพิจารณาแนวทางซื้อคืนรถไฟฟ้าครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการยึดสัมปทานคืนจากเอกชน แต่เป็นการซื้อคืนระบบเดินรถรวมถึงสิทธิการเดินรถ แล้วจ้างเอกชนรายเดิมเดินรถ โดยเปลี่ยนสัญญาจากรูปแบบ PPP Net Cross เป็น PPP Gross Cost ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด หากกระบวนการศึกษาเสร็จสิ้น จะแจ้งให้ประชาชนได้ทราบความคืบหน้าต่อไป” นายสุริยะ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top