วิจัยชี้การประท้วงในจีนเกิดบ่อยขึ้นเซ่นวิกฤตที่อยู่อาศัย-เศรษฐกิจชะลอตัว

การประท้วงในจีนกำลังเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชน และทางการจีนไม่กล้าจะดำเนินมาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ฟรีดอม เฮาส์ (Freedom House) องค์กรเคลื่อนไหวด้านการเมืองและสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานโครงการติดตามการประท้วงในจีน (China Dissent Monitor) ฉบับล่าสุดที่เปิดเผยในวันพุธ (28 ส.ค.) ระบุว่า การประท้วงในจีนเพิ่มขึ้น 18% ในไตรมาส 2/2567 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีก่อน โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับปัญหาเศรษฐกิจ

รายงานระบุว่า ท่ามกลางการประท้วงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น การประท้วง 44% เกี่ยวข้องกับแรงงาน และ 21% ที่เกี่ยวข้องกับบรรดาเจ้าของบ้านที่ไม่พอใจ โดยทั่วไปแล้ว รายงานนิยามการประท้วงไว้ว่า เป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจ การยืนยันสิทธิ หรือการเรียกร้องผลประโยชน์โดยการโต้แย้งกับทางการหรือผู้มีอำนาจ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รายงานฉบับดังกล่าวเผยให้เห็นถึงภาพรวมของความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั่วจีน แม้ไม่สามารถสะท้อนความไม่พอใจทั้งหมดในจีนก็ตาม ทั้งนี้ การจัดประท้วงได้ถูกปราบปรามและสกัดกั้นโดยการเฝ้าติดตามและการควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และความไม่สงบในลักษณะดังกล่าวไม่มีแนวโน้มที่จะสั่นคลอนระบอบการปกครอง เนื่องจากการประท้วงมักมีขนาดเล็กและกระจัดกระจาย โดยผู้ประท้วงมักไม่มุ่งเป้าของความโกรธเคืองไปที่ผู้นำ

โดยรวมแล้ว นักวิจัยระบุว่า การประท้วงเพิ่มจำนวนขึ้น แม้มีการเซนเซอร์ที่เข้มงวดขึ้นนับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มเก็บข้อมูลในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งรวมถึงการรณรงค์ครั้งใหม่ในการลบเนื้อหาบนแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง “โต่วอิน” หรือ ติ๊กต๊อกเวอร์ชันจีนในช่วงต้นปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top