นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จ.แพร่ น่าน พะเยา และเชียงราย และต้องติดตามเฝ้าระวังอีก 43 จังหวัดตามข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในช่วงวันที่ 24 – 30 ส.ค. 2567
ขณะนี้สำนักงาน กสทช. ภาค 3 ซึ่งดูแลในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจสอบโครงข่ายสื่อสารในพื้นที่ประสบภัยในพื้นที่ความรับผิดชอบภาคเหนือ พบว่ามีสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Site) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยได้รับผลกระทบ 70 สถานีจากจำนวนทั้งหมด 2,869 สถานี
โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับ จึงได้ประสานกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของสถานี ให้นำเครื่องปั่นไฟมาใช้กับสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไฟฟ้าดับ เพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวสามารถติดต่อสื่อสารในภาวะฉุกเฉินได้ โดยสำนักงาน กสทช. ภาค 3 จะติดตามและรายงานผลเป็นระยะจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติต่อไป
พร้อมทั้งกำชับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมในการดูแลและปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยสามารถใช้งานการสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง และขอให้ติดตามรายงานสถานการณ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยา และ ปภ. อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือและใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมต่อไป
“ขณะนี้ได้ประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นำเครื่องปั่นไฟมาใช้ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการสื่อสารของประชาชน กรณีไฟฟ้าดับและส่งผลกระทบต่อสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อให้สามารถใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตติดต่อสื่อสารได้ต่อเนื่อง รวมทั้งให้รายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายไตรรัตน์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 67)
Tags: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กสทช., น้ำท่วม, ปภ., ภาคเหนือ, อินเทอร์เน็ต, เครือข่ายมือถือ, โอเปอเรเตอร์, ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล