KGEN ร่วมทุน Chery Group ค่ายรถจีน ผลิตและจำหน่ายรถ EV ในไทย

บมจ.คิง เจน (KGEN) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าลงทุนในโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ คือ เชอรี่ ออโตโมบิล คัมปะนี ลิมิเต็ด (Chery Automobile Co. Ltd หรือ “Chery Group”)

Chery Group เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้แบรนด์ OMODA และ JAECOO รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้ Chery Group โดยในปี 2566 Chery Group มียอดขายรถยนต์จำนวนกว่า 1,881,316 คัน ทั่วโลก

โดยบริษัท คิงเจน ออโต จำกัด (KGA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (99.98%) และ หู ผู่รุ่ย ออโต โมบิล อินเวสต์เมนต์ คัมปะนี ลิมิเต็ด (Purui) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Chery Group (Chery Group โดย Purui) จะลงนามในสัญญาร่วมลงทุน เพื่อร่วมลงทุนในโครงการ JV ผ่านการดำเนินงานภายใต้บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (OJMT) และบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด (OJST) ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน OJMT และ OJSTจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2567

การร่วมลงทุนดังกล่าวจะให้ OJMT เป็นผู้ผลิตรถยนต์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และ ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ OMODA และ JAECOO รวมถึง แบรนด์อื่น ๆ ภายใต้ Chery Group ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ในเครือ Chery Group โดยเมื่อ OJMT ผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ดังกล่าวแล้วจะจำหน่ายให้แก่ OJST เพื่อเป็นนิติบุคคลที่จัดจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในประเทศไทยต่อไป

 

ผลิตล็อตแรก 5 หมื่นคันปี 68 พร้อมเป็นฐานส่งออก

 

นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KGEN กล่าวว่า การร่วมทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ภายใต้ความร่วมมือกับ เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล ในครั้งนี้ทาง KGEN ถือหุ้น 60% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย จากการลงทุนในอดีตที่บริษัทต่างชาติจะลงทุนเองทั้ง 100% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจากการเป็นเพียงแหล่ง OME โดยการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าเฟสแรกจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ 50,000 คันในช่วงไตรมาส 2/68 และภายในปี 71 จะขยายกำลังการผลิตเป็น 80,000 คันต่อปี

“นอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออก ที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ทั้งพวงมาลัยขวาและพวงมาลัยซ้าย ซึ่ง โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกกระดับให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ และการขยายตลาดส่งออกจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ KGEN และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดยานยนต์ระดับโลก”

 

นายฉี เจี๋ย (Mr. Qi je) ประธาน OJST กล่าวว่า การจับมือกับ KGEN เพื่อร่วมลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้ จะเน้นผลิตรถไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และไฮบริด โดยเฟสแรกมีเป้าหมายการผลิตรถ JAECOO EV จำนวน 50,000 คัน ภายในปี 68 และเฟสต่อมามีเป้าหมายผลิต รถ OMODA EV จำนวน 80,000 คัน ภายในปี 71 สำหรับขายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริการหลังการขายของทั้งสองแบรนด์ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย โอโมดา แอนด์ เจดู ทั่วประเทศทั้ง 23 แห่ง และจะขยายถึง 40 แห่งภายในปีนี้

คาดปี 68 พลิกกลับมามีกำไร

 

นางสาวพรทิพย์ คาดว่า จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 68 จากปีนี้ยอมรับว่ายังคงมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ เนื่องจากปีหน้าจะมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายรถยานยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ OMODA และ JAECOO ที่ได้ร่วมลงทุนกับ เชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (KGEN ถือหุ้น 25% ในศูนย์จัดจำหน่าย) ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ดังกล่าวในไทย (KGEN ถือหุ้น 60%)

ทั้งนี้วางเป้ายอดผลิตและจำหน่ายปี 68 ไว้ที่ 17,000 คันต่อปี และปี 69-70 คาดเพิ่มขึ้นเป็น 35,000 คันต่อปี และคาดแตะ 80,000 คัน ภายในปี 71 โดยในปีแรก จะจำหน่ายในประเทศ ในสัดส่วน 40% และส่งออก 60% ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งออกเพิ่มเป็น 70% และจำหน่ายในประเทศ 30% ภายในปี 71

ส่วนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้คาดจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากมีการรับรู้รายได้บริษัทคู่ค้ากลุ่มบริการขนส่ง ในช่วงไตรมาส 3/67

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 67)

 

Tags: , , , ,
Back to Top